All reviewing comments
Search for comments
วันนี้มาเปลี่ยนบรรยากาศกันบ้างครับ กับร้านซูชิ-ซาชิมิราคาประหยัด ร้าน"ข้าวนิ่มซูชิ" ที่ศูนย์การค้า Happyland Center ครับ
ร้านจะอยู่ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ครับ เดินเข้ามาจะอยู่ทางซ้ายมือร้านแรกๆเลย
เป็นร้านซูชิแบบเลือกเอง คีบเองครับ แต่ขอบอกเลยว่าคุณภาพ ความสดใหม่ ไม่แพ้ร้านดังๆแน่นอน ที่สำคัญคือ ราคาสบายกระเป๋ามากๆครับ
ซูชิ (และมากิ) จะมีราคาอยู่ที่ชิ้นละ 10-30 บาทเท่านั้น
ที่ขอแนะนำเลยคือ ไข่หวานแซนวิช ที่เป็นไข่หวานชิ้นใหญ่ทอดจนฟู แล้วผ่ากลางใส่ไข่กุ้งมายองเนสเข้าไป เป็นเมนูขายดีของทางร้านครับ
หน้าเป๋าฮื้อมายองเนสก็อร่อยไม่แพ้กัน เป๋าฮื้อกรุบกรอบมากๆ
ซูชิกุ้ง ซาบะ แซลมอนหรือปลาไหล ก็มีให้ได้ทานนะครับ แน่นอนว่าราคาก็ไม่แพงเลย ชิ้นละ ไม่เกิน 30 บาทครับ
ที่น่าสนใจคือ ร้านข้าวนิ่มซูชิ มีแซลมอนซาชิมิให้ได้ทานด้วยครับ ในราคาเพียงแค่ 120 บาท สำหรับจานเล็ก 10 ชิ้น และ 160 บาท สำหรับจานใหญ่ 14 ชิ้นครับ
เห็นราคาแล้วไม่ต้องตกใจไป ปลาของที่ร้านนี้คุณภาพดี สดใหม่ไม่มีกลิ่นคาวครับ แล่มาชิ้นหนามากๆ ทานกันสะใจเลย
เนื่องจากร้านตั้งอยู่ในศูนย์อาหาร ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่า จะทานที่ร้านหรือใส่กล่องกลับไปทานที่บ้านก็ได้ครับ
จากที่สังเกต ลูกค้าแต่ละท่านที่มาซื้อ คีบกันไม่ต่ำกว่า 5-6 ชิ้นเลยครับ ผมเองก็จัดใส่กล่องไปฝากคนที่บ้านประมาณ 2-3 กล่องเลยครับ คุ้มค่าประหยัดฟินสะใจ แน่นพุงทั้งที่นี่และคนที่บ้าน รวมๆยังถูกกว่าบุฟเฟ่ต์มากมายนัก การันตีความสด คุ้มค่าแน่นอนครับ
ได้ผ่านไปยังศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ครั้งล่าสุด ไปลองร้านซูชิเล็กๆร้านนึง แต่อร่อยและปลาดิบชิ้นใหญ่ ได้ใจมากๆ เลยอยากจะมาแนะนำกันครับ ชื่อร้าน ข้าวนิ่มซูชิ เป็นบู๊ธเล็กๆบูธหนึ่งในศูนย์อาหาร แต่เดินผ่านแล้วดูขนาดของชิ้นปลา แล้วแอ๊ะใจ...มันใหญ่ปิดข้าวเกือบทุกชิ้นเลย ดูราคาแล้วก็ตกชิ้นละ 10-15-20 เอง มีบางชิ้น 30 บาทแต่ก็น่าลองมาก
เลยขอลองดูสักหน่อยละกัน ร้านนี้จะเป็นสไตล์แบบหยิบคีบเอง เดินเข้าไปร้านก็บอกพนง.ได้เลยว่า จะใส่จานกินในศูนย์ หรือจะใส่กล่องกลับบ้าน
เมนูที่ชิมแล้วอยากแนะนำคือ
- แซลมอนห่อไข่ปลา 30 บาท [เป็นแซลมอนชิ้นหนาท็อปปิ้งด้วยไข่แซลมอนด้านบน มีข้าวก้อนเล็กอยู่ข้างใน ฟินมากๆชิ้นนี้]
- ซูชิหอยเชลล์ 20 บาท [เป็นสไตล์มากิ แต่ใส่หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวย่อมๆมา 2-3ชิ้น ปกติร้านระดับนี้ไม่ค่อยเจอหอยเชลล์เท่าไรนัก]
- ไข่หวานแซนวิช 15 บาท [เป็นไข่หวานที่หั่นเป็นชิ้นๆเหมือนแซนวิช ใส่ไข่กุ้งไว้ด้านใน]
- ซูชิหน้าหมึกทาโกะกรอบ 20 บาท [เป็นมากิ ท็อปปิ้งด้วยทาโกะจัง หมึกปรุงรสเข้มข้น]
- ซูชิท้องปลาแซลมอนย่าง 20 บาท [เป้นส่วนท้องปลาแซลมอนเอาไปเบิร์นให้สุกกำลังดี อร่อยเยิ้มๆ]
- ซูชิหน้าปลาไหลย่าง 20 บาท [เมนูปลาไหลย่าง ก็เป้นเมนูที่ไม่ค่อยเห็นร้านแนวนี้เอามาขายเท่าไร ก็อร่อยดีแต่ราดน้ำซอสหวานมาน้อยไปนิด ยังไม่ฟินเท่าไร]
- มีแซลมอน ซาชิมิ ขายด้วย มี 2 ไซต์ กล่องใหญ่ กะกล่องเล็ก เห็นขนาดชิ้นปลาแล้ว ต้องบอกว่าสุดคุ้ม
กล่องเล็ก จะมีแซลมอน 10 ชิ้น 120 บาท
กล่องใหญ่ จะมีแซลมอน 14 ชิ้น 160 บาท
ผมว่าด้วยขนาดของชิ้นปลาดิบที่ให้มา กับราคาแค่นี้ คือบอกได้คำเดียว สุดคุ้มครับ ใครๆที่ชอบไปกินบุฟเฟ่ต์แซลมอน หัวละ 499 , 599 บาท อยากให้มาลองร้านนี้กัน บางทีคุณคีบใส่จาน กินพอๆกะตอนไปร้านบุฟเฟ่ต์ แต่ราคาของร้านนี้ อาจทำให้จ่ายได้ถูกกว่าแบบไปกินร้านบุฟเฟ่ต์อีกซะด้วยนะ
ลองคุยกะคนขาย เขาบอกว่าที่ร้านสั่งปลาแซลมอนสด มาแล่เองที่ร้านทุกวัน (ช่วงบ่ายๆร้านจะแล่แซลมอนทั้งตัว ออกมาเป็นชิ้นๆยาวๆ ก่อนจะเอาไปหั่นเป้นคำๆ อีกทีนึง ร้านบอกว่าเน้นความคุ้มค่าให้ลุกค้าได้ทานแบบจุใจ ไม่เน้นกำไรมากมายนัก (คือตั้งราคาไว้ไม่สูง แต่อยากให้ลูกค้าสามารถหาแซลมอนทานได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และกลับมาทานบ่อยๆได้ ประมาณนั้น)
ใครสนใจ ลองไปโดนสักหนครับ ร้านข้าวนิ่มซุชิ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ เซ็นเตอร์ ด้านหลังห้าง N-Mark Plaza บางกะปิ (ตรงข้ามกะ The mall บางกะปิ นั้นแหละ)
ได้ผ่านไปยังศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ครั้งล่าสุด ไปลองร้านซูชิเล็กๆร้านนึง แต่อร่อยและปลาดิบชิ้นใหญ่ ได้ใจมากๆ เลยอยากจะมาแนะนำกันครับ ชื่อร้าน ข้าวนิ่มซูชิ เป็นบู๊ธเล็กๆบูธหนึ่งในศูนย์อาหาร แต่เดินผ่านแล้วดูขนาดของชิ้นปลา แล้วแอ๊ะใจ...มันใหญ่ปิดข้าวเกือบทุกชิ้นเลย ดูราคาแล้วก็ตกชิ้นละ 10-15-20 เอง มีบางชิ้น 30 บาทแต่ก็น่าลองมาก
เลยขอลองดูสักหน่อยละกัน ร้านนี้จะเป็นสไตล์แบบหยิบคีบเอง เดินเข้าไปร้านก็บอกพนง.ได้เลยว่า จะใส่จานกินในศูนย์ หรือจะใส่กล่องกลับบ้าน
เมนูที่ชิมแล้วอยากแนะนำคือ
- แซลมอนห่อไข่ปลา 30 บาท [เป็นแซลมอนชิ้นหนาท็อปปิ้งด้วยไข่แซลมอนด้านบน มีข้าวก้อนเล็กอยู่ข้างใน ฟินมากๆชิ้นนี้]
- ซูชิหอยเชลล์ 20 บาท [เป็นสไตล์มากิ แต่ใส่หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวย่อมๆมา 2-3ชิ้น ปกติร้านระดับนี้ไม่ค่อยเจอหอยเชลล์เท่าไรนัก]
- ไข่หวานแซนวิช 15 บาท [เป็นไข่หวานที่หั่นเป็นชิ้นๆเหมือนแซนวิช ใส่ไข่กุ้งไว้ด้านใน]
- ซูชิหน้าหมึกทาโกะกรอบ 20 บาท [เป็นมากิ ท็อปปิ้งด้วยทาโกะจัง หมึกปรุงรสเข้มข้น]
- ซูชิท้องปลาแซลมอนย่าง 20 บาท [เป้นส่วนท้องปลาแซลมอนเอาไปเบิร์นให้สุกกำลังดี อร่อยเยิ้มๆ]
- ซูชิหน้าปลาไหลย่าง 20 บาท [เมนูปลาไหลย่าง ก็เป้นเมนูที่ไม่ค่อยเห็นร้านแนวนี้เอามาขายเท่าไร ก็อร่อยดีแต่ราดน้ำซอสหวานมาน้อยไปนิด ยังไม่ฟินเท่าไร]
- มีแซลมอน ซาชิมิ ขายด้วย มี 2 ไซต์ กล่องใหญ่ กะกล่องเล็ก เห็นขนาดชิ้นปลาแล้ว ต้องบอกว่าสุดคุ้ม
กล่องเล็ก จะมีแซลมอน 10 ชิ้น 120 บาท
กล่องใหญ่ จะมีแซลมอน 14 ชิ้น 160 บาท
ผมว่าด้วยขนาดของชิ้นปลาดิบที่ให้มา กับราคาแค่นี้ คือบอกได้คำเดียว สุดคุ้มครับ ใครๆที่ชอบไปกินบุฟเฟ่ต์แซลมอน หัวละ 499 , 599 บาท อยากให้มาลองร้านนี้กัน บางทีคุณคีบใส่จาน กินพอๆกะตอนไปร้านบุฟเฟ่ต์ แต่ราคาของร้านนี้ อาจทำให้จ่ายได้ถูกกว่าแบบไปกินร้านบุฟเฟ่ต์อีกซะด้วยนะ
ลองคุยกะคนขาย เขาบอกว่าที่ร้านสั่งปลาแซลมอนสด มาแล่เองที่ร้านทุกวัน (ช่วงบ่ายๆร้านจะแล่แซลมอนทั้งตัว ออกมาเป็นชิ้นๆยาวๆ ก่อนจะเอาไปหั่นเป้นคำๆ อีกทีนึง ร้านบอกว่าเน้นความคุ้มค่าให้ลุกค้าได้ทานแบบจุใจ ไม่เน้นกำไรมากมายนัก (คือตั้งราคาไว้ไม่สูง แต่อยากให้ลูกค้าสามารถหาแซลมอนทานได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และกลับมาทานบ่อยๆได้ ประมาณนั้น)
ใครสนใจ ลองไปโดนสักหนครับ ร้านข้าวนิ่มซุชิ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ เซ็นเตอร์ ด้านหลังห้าง N-Mark Plaza บางกะปิ (ตรงข้ามกะ The mall บางกะปิ นั้นแหละ)
วันนี้ขอกลับไปซ้ำร้านเดิม ที่เคยรีวิวไว้เมื่อ 2 ปีก่อน อีกครั้งนึง เป็นร้านซูชิเล็กๆ แต่ปลาชิ้นใหญ่ ราคาสบายกระเป๋า อยู่ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ย่านบางกะปิ อีกแหล่งจุดศูนย์รวมของกิน มากมายสำหรับคนแถวนี้
ร้านที่ชวนมาหิว วันนี้ชื่อร้านว่า "ไข่หวานบ้านซูชิ byข้าวนิ่มซูชิ" ซึ้งเดิมใช้ชื่อร้านว่า "ข้าวนิ่มซูชิ" นั้นแหละ แต่ว่าร้านรีแบรนด์ใหม่ จริงๆ2ร้านนี้ เป็นร้านพี่-น้อง กันนั้นเอง
[พิกัด]
ตั้งอยู่ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ (ตรงข้าม The Mall บางกะปิ) เป็นร้านขนาด2บู๊ธ อยู่ตรงหัวมุมในศูนย์อาหาร หากเดินมาจากห้างเอ็นมาร์ค พลาซ่า (N Mark Plaza) ก็เดินเข้าไปในศูนย์อาหารเลี้ยวซ้ายมือ มองไปมุมของศูนย์อาหารเจอแน่นอน
เวลาเปิดปิดของร้านข้าวนิ่มซูชิคือ 16.00 - 21.30 น. ทุกวัน
[Hightlight]
Sushi เริ่มตั้งแต่ 10-15-20-30 บาท โดยเป็นซูชิที่ชิ้นปลาใหญ่มาก ข้าวนิดเดียว ฟินเต็มๆคำ สำหรับคนรักซูชิต้องมาลอง อร่อยไม่แพ้ร้านดังย่านทองหล่อ-เอกมัย เลยทีเดียว
Sashimi ก็มีนะ มีปลาแซลมอน และปลาทูน่า หั่นชิ้นหนาและใหญ่กำลังดี จานเล็ก10ชิ้น 140 บาท , จานใหญ่ 14ชิ้น 180บาท
ล่าสุดมี ยำปลาแซลมอนด้วย ก็ราคาเหมือนซาชิมินั้นแหละ แต่เพิ่มน้ำจิ้มซีฟู้ด รสเด็ดมาเพิ่มให้ ราดน้ำซีฟู้ดลงบนเนื้อปลาแซลมอน กินกันแซ่บๆไปเลย
ร้านไข่หวานบ้านซูชิ byข้าวนิ่มซูชิ ที่บางกะปินี้ เปิดตั้งแต่ 4โมงเย็นเป็นต้นไป ผมไปถึงร้านก็ประมาณ 4โมงครึ่ง ซูชิหน้าต่างๆ ก็จัดวางเรียงพร้อมให้ตักได้เกือบครบหมดทุกหน้าแล้ว
วิธีการเลือกซื้อของร้านนี้ ถ้าจะทานเลยในศูนย์อาหาร ก็หยิบจานพร้อมที่คีบไปคีบได้เลย ถ้าจะซื้อกลับบ้านก็หยิบกล่องพลาสติกพร้อมที่คีบ เอาไปคีบได้เลย โดยทางร้านจะมีโปรโมชั่นประจำอยู่ตลอดนั้นคือ ซื้อ10 แถม 1 ชิ้น
แอบแวะไปส่องดูด้านหลังของร้านมานิดนึง ร้านนี้เขาแล่ปลา ทำข้าวปั้นต่างๆกันตรงนี้เลย รับประกันความสดใหม่ได้แน่นอน อย่างอันนี้น่าจะกำลังทำเมนู "มากิแซลมอน" อยู่แน่เลย เพราะเห็นหยิบแซลมอน ไข่หวานและแตงกวาญีปุ่น มาเป็นไส้ พันด้วยข้าวห่อสาหร่ายแล้วโรยด้วยไข่กุ้งเคลือบด้านนอก
ถัดไปก็เห็นเชฟกำลังแล่ปลา มีลูกค้าสั่งเมนู Salmon Sashimi กล่องเล็กอยู่ เชฟก็แล่ปลากันสดๆจำนวน 10 ชิ้น ใส่กล่องพลาสติกพร้อมผักเคียงและขิงดอง วาซาบิพร้อม อั้ยยะ เห็นแล้วน่ากินสุดๆ (แอบถามว่าใช้แซลมอนวันละกี่ตัว เขาบอกว่าแล่ปลาเฉพาะแซลมอน ก็วันละ 8-9ตัวเลยนะ ขายดีจริงๆ)
เมนูที่ผมว่าเป็นไฮไลน์ของร้านได้เลยคือ เมนูที่ชื่อ "แซลมอนกิโมโน" ชิ้นละ 30 บาท คือปกติ ข้าวปั้นหน้าแซลมอน 20 บาท จะมีปลา1ชิ้นโป๊ะบนข้าวญี่ปุ่นใช่มะ แต่เจ้าแซลมอนกิโมโน นี้คือ จะเบิ้ลปลาแซลมอนเข้าไปอีกชิ้น พร้อมท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอนอีกนิด ได้ข้าวปั้น+ปลาแซลมอนไป2ชิ้น แต่ขายเพียง 30 บาทเองอะ (จำได้ว่าเคยไปกินร้านซูชิโอ ที่ห้างเมอคูรี่วิลล์ แซลมอน2ชิ้นบนข้าวอย่างงี้เขาขายกันที่ 60 บาท)
อีก 2 เมนูที่ว่าเด็ดมากคือ 1.แซลมอนห่อไข่ปลา 35บาท เป็นแซลมอน1ชิ้นเอามาพันเป็นวงกลมด้านล่างมีข้าวแล้วโป๊ะด้วยด้วยไข่ปลาแซลมอนในราคาเพียง 35บาทเองอะ 2. ไข่ปลาแซลมอน (ikura sushi) 55บาท ไข่แซลมอนเม็ดโตๆเด้งๆ ในราคาประมาณนี้ ถ้าไปเข้าร้านญี่ปุ่นมีชื่อหน่อย ต้องราคา100อัพไปแล้วแน่นอน
คือเมนูของร้านนี้ หลายเมนูจะเป็นปลาแซลมอนซะเยอะ ซึ้งก็เข้าใจแหละ เพราะคนไทยเรานี้บ้ากินแซลมอนกันจริงๆ (ผมก็ด้วยคน) ทางร้านเลยมีเมนูที่เป็นตระกูลแซลมอนให้เลือกเยอะ และค่อนข้างเห็นเมนูจากแซลมอนออกมาวางให้เลือกอยู่เยอะ ทั้งข้าวปั้นหน้าแซลมอน 20 บาท , แซลมอนโรลชีส 30 บาท , แซลมอนเบิร์น20 , โรลเบิร์นแซลมอน , ข้าวปั้นหน้าท้องปลาแซลมอนย่าง20
อีกหมวดนึงที่ห้ามพลาดของร้านนี้ คือหมวดไข่หวาน รสชาติของเจ้านี้จะหอมกลมกล่อม ไข่หวานจะหวานกำลังดี ตัวที่แนะนำคือ "ไข่หวานแซนวิส15บาท" เป็นไข่หวานที่ผ่ากลางใส่ไข่กุ้งและสลัดปูอัด , และก็เมนูไข่หวานแซนวิชไข่กุ้งมังกร 15บาท
มีเมนูที่ขอชื่นชมเลยว่าทำออกมาดี คือ ข้าวปั้นหน้าหมึกหิมะ และข้าวปั้นหน้าหมึกหิมะสลัด หมึกที่ทำออกมาให้เรากินเขาจะใช้มีดกรีดตามยาวของเนื้อปลาหมึกตลอดทั้งชิ้น ทำให้เคี้ยวได้ง่าย ไม่เหนียว ทานได้สะดวก (คือผมพบประสบการณ์แย่ๆจากเมนูนี้ ของร้านอื่นๆมาจนแขยงไม่กินไป3ปี เพราะเคยกินซูชิหน้านี้ไปทั้งคำ แล้วพบว่าหมึกมันเคี้ยวยากมาก มันอยู่ในปากทั้งคำ แล้วเหนียวสุดๆ เคี้ยวแทบไม่ได้ จนต้องคายทิ้ง เหตุเพราะเชฟร้านญี่ปุ่นในห้างร้านนั้น ไม่ได้กรีดปลาหมึกให้เราเลย พอปลาหมึกมาทั้งแผ่นโป๊ะบนข้าวปั้น ทำให้ฟันเรากัดไม่เข้า เคี้ยวก็ไม่ค่อยไหว ผมมารู้ทริคนี้จากการดูรายการทีวีภายหลัง ผมเข็ดไม่กินเมนู ข้าวปั้นหน้าปลาหมึกแบบนี้ไปนานเลย) จนพอมาลองกินของร้านนี้ พบว่า เชฟเขาเข้าใจวิธีการจัดการกับปลาหมึกค่อนข้างดี จนทำให้ผมกลับมาชอบเมนูนี้ใหม่ หลังจากแขยงไปหลายปี
อีกเมนูนึงที่ถือว่าโอเคเลยถ้าคุณชอบทาน ปลาไหลย่างสไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว คุณจะรู้ว่าเมนูนี้ ไปร้านไหนๆก็ขายแพงกันทั้งนั้น ของร้านนี้ก็มี ขายในราคาคำละ 30 บาทเท่านั้น เป็นปลาไหลย่างหั้นมาชิ้นกำลังดี ห่อด้วยสาหร่ายพันข้าวปั้น ราดซอสหวานๆมา นี้คืออีกเมนูที่ Recommended ว่าควรมาชิม
มาเมนูสำหรับคนชอบความหนุบหนับกันบ้าง ผมขอแนะนำ ข้าวปั้นหน้าเอ็นหอยเชลล์ เมนูนี้อร่อยหนุบหนับมากๆด้วยรสชาติออกหวานๆเค็มๆของซอสผสมความหนุบหนับของเอ็นหอยเชลล์ ในราคาคำละ 15 บาท , อีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ข้าวปั้นหน้าแมงกะพรุน ตัวนี้ก็รสชาติกำลังดี หนุบหนับพอควร แต่ชอบเอ็นหอยเชลล์มากกว่า
ระหว่างนั่งทานไป ก็พบว่ามีลูกค้าคนอื่นๆ แวะเวียนมาซื้อจนแน่นร้านอยู่ตลอดเวลาเลย มีคนฝากซื้อด้วยแอพ LineMan ด้วย ซึ้งถ้าคุณขี้เกียจไปซื้อเองที่ร้าน ก็ดาวโหลดแอป LineMan แล้วหาร้านไข่หวานบ้านซูชิ by ข้าวนิ่มซูชิ สั่งอาหารแทนก็ได้ ราคาอาหารก็เท่ากันกับที่มาซื้อที่หน้าร้านนี้แหละ +ค่าส่งตามระยะทาง (KMละกี่บาทไม่แน่ใจนะครับ ลองเช็คดู)
ส่วนตัวผมชอบมากินแบบนี้ เพราะรสชาติและขนาดของอาหาร ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ถึงแม้จะเป็นร้านในฟู้ดคอร์ท แต่คุณภาพของวัตถุดิบไม่ต่างจากร้านในห้างดัง หรือร้านญี่ปุ่นดีๆเลย เพียงแค่บรรยากาศระหว่างทานในศูนย์อาหารมันไม่รื่นรมย์เท่านั่งกินชิลล์ๆในห้องแอร์ร้านดังๆเท่านั้นเอง อีกอย่างช่วงหลังๆร้าน Buffet Salmon หัวละ 499 บาทไรงี้ ก็มีมากขึ้น ทานได้90นาที อะไรแบบนี้ ผมพบว่ามากินร้านแบบนี้ บางทีอิ่มพอๆกัน แถมราคาถูกกว่าด้วยซ้ำไป และไม่ต้องมีเวลามาจำกัดเราด้วย คิดง่ายๆไปกะเพื่อน 4 คน ถ้าบุฟเฟ่ต์ 499 x4 ก็ประมาณ 2000 บาทแล้ว เอาเงินเท่ากันมากินแบบนี้ ผมว่าประหยัดไปได้เยอะเลยทีเดียว อาจจะซื้อกลับบ้าน ไปนั่งกินชิลล์ๆก็ยังสบายใจกว่าเลยด้วย
ไปเดินเล่นที่เมืองทองธานีครับ เดินไปนานๆก็เริ่มจะหิว เลยแวะหม่ำๆที่ศูนย์อาหารซะหน่อย
ตรงไปที่ศูนย์อาหารโซน A มีของกินเยอะมากจริงๆ แต่สุดท้ายไปสะดุดตาเข้ากับร้านซูชิร้านนี้ครับ
ชื่อร้าน "ไข่หวาน บ้านซูชิ" ล็อคหมายเลข A10 ครับ จะบอกว่าตอนที่ไปถึงนี่คนมุงหน้าร้านเยอะพอสมควรเลย
เป็นซูชิราคาถูก ชิ้นละ 10-20 บาท แต่คุณภาพไม่ถูกตามราคาเลยครับ อย่างเช่น ซูชิแซลมอนราดซอสไข่กุ้ง ราคาเพียงแค่ 20 บาทเท่านั้น!
แซลมอนของที่ร้านเป็นแซลมอนนำเข้าจากนอร์เวย์นะครับ นำเข้ามาแล่เองทุกวันไม่แช่แข็ง สดๆฟินๆกันไป
หรือหน้าอื่นๆที่แจ่มไม่แพ้กันก็จะมี มากุโร่ ไข่หวาน สลัดเป๋าฮื้อ แซลมอน หรือปลาไหลย่างซีอิ๊วก็มีนะครับ
สำหรับซูชิร้านนี้ จะซื้อแล้วนั่งทานในศูนย์อาหาร หรือซื้อใส่กล่องกลับบ้านก็ได้นะครับ
ตอนนี้มีโปรอยู่ด้วย ซื้อ 10 ชิ้น แถม 1 ชิ้น สำหรับซูชิคุณภาพดีราคาไม่แพง ถือว่าคุ้มค่ามากๆครับ
ใครไปเดินงานเมืองทองธานี แล้วไม่รู้จะทานอะไร แนะนำเลยครับกับร้านไข่หวานบ้านซูชิ ไม่ควรพลาดครับ
อ่านรีวิวเต็มๆได้ที่ http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=akuchan&date=29-08-2015&group=1&gblog=41
ขอบคุณครับ
วันนี้ขอมารีวิวร้านซูชิฟู้ดคอร์ท แต่ความอร่อยระดับทองหล่อ กันนะครับ ร้านนี้ชื่อว่าร้าน "ไข่หวาน บ้านซูชิ" เป็นร้านซูชิเล็กๆขายอยู่ในศูนย์อาหารเมืองทองธานี ใกล้ๆตลาดต้นประดู่
เคยมากินครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นร้านมีแค่ล็อกเดียว เดินผ่านแล้วเอ๊ะใจทำไมคนมุ่งหน้าร้านกันเต็มเลย เลยขอลองแวะซื้อกินบ้าง ปรากฎคือเหมือนพบขุมทรัพย์ความอร่อยกลางเมืองทองเลยบร๊ะเจ้า...คือขายซูชิราคาระดับคำละ 10-15-20 บาท แต่พี่เขาปั้นซูชิหน้าตาออกมาเกินราคาที่ขายมากๆ
เพราะร้านนี้ ซูชิเขาหั่นปลาให้ชิ้นใหญ่กว่าข้าวญี่ปุ่น แบบไม่ใช่ว่าใหญ่ธรรมดา แต่มันคือหั่นปลาชิ้นใหญ่มาก ถ้าสั่งซูชิแบบ Nigiri หรือที่เป็นชิ้นปลาอยู่ท็อปด้านบนของข้าว จะเห็นเลยว่าปลาชิ้นใหญ่ระดับที่ว่าปลาปิดข้าวมิดเลย แต่ขายอยู่ที่คำละ 20 บาทเท่านั้น (ซึ้งถ้าไปเข้าร้านดังๆ คำนี้น่าจะ 30-40 อัพแน่ๆ)
มากินคร่าวนี้ พบว่าร้านได้ขยายขนาดมากขึ้นจากเดิมแค่ล็อกเดียว เพิ่มมาเป็น 2 ล็อก อยู่ในโซน A ของศูนย์อาหารเมืองทองธานี (Log A.07-08) ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 - 23.00 น. ทุกวัน ถามแล้วเดือนนึงปิดร้านแค่ 2 วันคือทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ที่เหลืออีก28วันขายตลอด
แก็งค์เราไปถึงร้านตอนประมาณ 5 โมงเศษๆ ร้านยังปั้นซูชิออกมาวางได้ไม่กี่ถาดเอง แต่ก็เริ่มมีลูกค้าขาประจำเข้ามารอคิว ตักๆคีบๆซูชิกันแล้ว เราก็เลยรอสักพัก ซูชิหน้าต่างๆก็เริ่มทะยอยออกมาวางบนถาด เต็มพื้นที่หน้าร้านทั้ง 2 ล็อก ลูกค้าทั้งขาประจำ และขาจร ก็เดินมาเลือกคีบซูชิกันตามสะดวก
วิธีสั่งอาหารร้านนี้ เวลามาถึงหน้าร้านแม่ค้าจะถามว่าจะทานที่นี้(คือทานในฟู้ดคอร์ท) หรือว่าจะกลับบ้าน ถ้าเราเลือกทานที่นี้ แม่ค้าจะส่งจานพลาสติกมาให้พร้อมที่คีบซูชิเป็นอาวุธประจำกาย1อัน ถ้าเราเลือกสั่งกลับบ้านแม่ค้าก็จะหยิบกล่องพลาสติกสีดำๆแบ่งเป็นล็อกๆมาให้พร้อมที่คีบ ก็เลือกคีบชิ้นที่ชอบได้เลย หรือถ้าจะสั่งเอาแซลมอซาชิมิ หรือปูอัดซาชิมิ ก็บอกแม่ค้าได้เลย เขาจะตักใส่จานมาให้
ราคาของปูอัดซาชิมิ อยู่ที่ชุดละ 39 บาท (พร้อมวาซาบิ+โชยุ)
ราคา Salmon Sashimi จะมี 2ราคา ชุดเล็ก(10ชิ้น) 130 บาท ชุดใหญ่(15ชิ้น) 180 บาท
ส่วนซูชิที่ร้านขายทุกอย่างจะขายเป็นคำๆ คำละ 10 -15-20 บาท อยากทานชิ้นไหนก็คีบได้เลย เอาที่ชอบ โดยทุกจานทางร้านจะให้ขิงดอง หัวไชเท้าขูดเป็นเส้นๆมาแก้เลี่ยน พร้อมกับวาซาบิและโชยุครบครัน
Sushi ที่นี้ส่วนใหญ่แบ่งเป็น 3 ราคา ซึ้งก็ขึ้นอยู่กับราคาของวัตถุดิบนั้นแหละ
Sushi คำละ 10 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้าไข่กุ้ง ,ซูชิทูน่าไข่กุ้ง ,ทูน่าสลัด,ซูชิปูอัด,ซูชิหน้ายำสาหร่าย,ฟูโตมากิ อะไรประมาณนี้
Sushi คำละ 15 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้ากุ้งแก้ว, ซูชิหน้าไข่หวาน, ซูชิหน้าปลาซาบะดอง, ไข่หวานแซนวิช, หน้ากุ้งแก้ว,หน้ากุ้งกิมจิ,หน้าหมึกซอสหวาน(ทาโกะจัง),หน้าสลัดหอยเป๋าฮื้อ,หน้าเอ็นหอยเชลล์กิมจิ
Sushi คำละ 20 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้าแซลมอน, หน้าปลาทูน่า(มากุโร่), หน้าปลาไหลย่างซีอิ๊ว, แซลมอนโรล,โรลไข่หวาน,โรลปูอัด,หน้าแซลมอนสลัด (พวกคำละ20 บาทนี้ มีแต่หน้าที่ผมชอบๆทั้งนั้นเลย)
ส่วนหน้าที่แพงที่สุดของร้านนี้ก็คือ ikura sushi หรือซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอนนั้นเอง คำละ 55 บาท (แต่ก็ให้เยอะจัดเต็มเหมือนกันนะถึงราคาจะสูงก็ตาม)
วันนี้แก๊งค์เราไปกัน 3 คนเลยตักซูชิมาทานกัน 2 จานเต็มๆ + แซลมอนซาชิมิชุดใหญ่ อีก 1 จาน คิดราคา3จานนี้รวมกัน 610 บาท หาร 3 แล้วตกคนละ 200 บาทเอง คุ้มค่าจริงๆ
คือที่ชอบร้านนี้เป็นเพราะว่า ผมเคยไปนั่งคำนวณราคา เวลาไปกินที่ร้านญี่ปุ่นแบบที่เป็นพวกซูชิบุฟเฟ่ต์หัวละ 399 -499 บาทกินได้ 90 นาที ไรงี้ เอาเข้าจริงๆเราสั่งมากินได้ไม่กี่คำเราก็อิ่มกันแล้ว 499 ที่จ่ายไป ถ้าเอามาหารเป็นต่อคำ บางครั้งเราว่ามาสั่งซูชิร้านนี้กินยังจะคุ้มซะกว่า
เพราะร้านซูชิบุฟเฟ่ต์ เขามักมีเวลาจำกัดให้เรา และบางร้านเขาก็เน้นไปที่ปลาแซลมอนอย่างเดียวไปเลย คือเอาแซลมอนมาทำเป็นเมนูSushiหลายๆอย่างให้ดูเหมือนมีให้เลือกหลายๆหน้า ส่วนปลาอย่างอื่นก็แทบไม่มีให้เลือกเลย และก็มีแค่พวกไข่หวาน ปูอัด มิโซะซุป ยำสาหร่ายเครื่องเคียงอีกนิด เท่านั้นเอง
สำหรับงวดนี้ก็เช่นเคย...หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้ว...ก็สั่ง Salmon Sahimi กลับบ้านอีก 1 ชุดพร้อม Sushi อีก1 กล่องจัดเต็ม เอาไว้ฟินต่อเป็นมื้อเช้าพรุ่งนี้อีกมื้อ
เสียดายไกลบ้านไปนิดนึง....มาซื้อได้เฉพาะช่วงที่มาเดินงาน Expo ที่เมืองทอง ถ้าบ้านอยู่ใกล้ คงได้แวะบ่อยๆแน่นอน
มาแวะอีกแล้ว ที่ร้าน "ไข่หวานบ้านซูชิ" (ศูนย์อาหารเมืองทองธานี) ซูชิคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋าที่ทำให้เราประทับใจกันไปในคราวที่แล้ว มาคราวนี้ร้านเขยิบมาอีกหน่อยแล้วขยายเป็นสองล็อค A07-A08 ขอบอกเลยว่ามีเมนูใหม่ๆเพิ่มขึ้นหลายเมนู แต่ละเมนูรสชาติไม่ธรรมดาแน่นอนครับ
เมนูเด็ดของร้านนี้คงหนีไม่พ้นซูชิที่ทำจากปลาแซลมอน เพราะใช้แซลมอนนำเข้าจากนอร์เวย์ สด ไม่มีกลิ่นคาว มีให้เลือกทั้งซูชิหน้าปลาแซลมอนที่หั่นชิ้นปลามายาวมากๆ หรือท่านไหนชอบแบบซาชิมิก็มีให้ทานนะครับ แต่ที่ขอแนะนำเลยคือ เมนูน้องใหม่ ซูชิท้องปลาแซลมอนเบิร์น ที่นำท้องปลาแซลมอนมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม เบิร์นจนสุกหอม ชิ้นนี้จะได้ทั้งรสชาติเข้มข้นจากน้ำมันที่ท้องปลา กับความสดชื่นจากข้าวซูชิ อร่อยมากๆครับ
เมนูอื่นๆก็เด็ดไม่แพ้กันนะครับ แซนวิชไข่หวาน ที่เป็นไข่หวานชิ้นโตสอดไส้ด้วยไข่กุ้งและมายองเนส ซูชิหน้าเป๋าฮื้อ ที่นำเป๋าฮื้อหั่นเต๋าคลุกเคล้ากับน้ำสลัด อร่อยหนุบหนับดีครับ มากิหน้าไข่ปลาบิน ท่านใดชอบไข่กุ้ง ขอแนะนำให้ลองไข่ปลาบินนะครับ เม็ดใหญ่กว่า เคี้ยวกรุบๆ ได้กลิ่นหอมของน้ำทะเลครับ
อันนี้ยังไม่หมดนะครับ ทึ่ร้านไข่หวานบ้านซูชิยังมีซูชิอีกมากมายหลายเมนูให้ท่านได้ลิ้มลอง ท่านใดชอบทานซูชิ แล้วอยากจะลิ้มลองซูชิคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋า ห้ามพลาดร้านไข่หวานบ้านซูชินะครับ
เพื่อนพี่น้องท่าใดสนใจลองไปอ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่
http://goo.gl/QOHUkG
ขอบคุณครับ
มีโอกาสได้ไปลองทานมาที่สาขาThewalk ราชพฤกษ์นี้ครับ
ตั้งใจไปร้านนี้ตรงๆเลย ตอนแรกเดินหาซะทั่วห้างหาร้านไม่เจอ
เลยชี้เป้าเผื่อเพื่อนๆที่ไปแล้วหาไม่เจอสักหน่อย...
ร้านอยู่ฝั่งประตูข้างๆห้าง ถ้าเจอ KFC แล้วเดินเข้าทางเดินข้างๆด้านขวาของKFC
ตรงเข้ามานิดเดียวมองทางซ้ายเจอเลยครับ...
วันนั้นไปทานวันธรรมดาเกือบๆเย็นหน่อยลูกค้าทยอยเข้าออกเรื่อยๆครับไม่ถึงขั้นแน่นร้าน
แต่ส่วนตัวว่าเยอะใช้ได้แล้วเพราะห้างนี้คนเดินน้อยมากๆ...
บริการดีมากครับเนื่องจาก พรีเมียมแล้วยังต้นตำรับแท้ๆ เลยสอบถามพนักงานแล้ว
ตอบได้ละเอียดยิบ แม่นเป๊ะ เลยทำให้รู้สึกได้เจอกับอาหารระดับต้นตำรับแท้ๆจริงๆเข้าไปอีก
ยังไม่ได้ลองทานแบบBuffetนะครับ พอดีสนใจตัว Kaiseki Course ดูมาน่าทานมากๆ
น้ำซุปก็มีให้เลือก 6 แบบ ครับ มีเอกลักษณ์เฉพาะทั้ง6แบบเลยละเอียดมากๆ
ลองสอบถามพนักงานดูก่อนได้ครับ...
ตอนแรกที่ดูๆมาทำใจกับราคาแต่ละอย่างพอสมควรเพราะดูราคาสูงมากๆ
แต่พอได้ทานจริงๆ แล้วรู้สึกคุ้มค่าอยากไปอีกมากๆเลยครับ วัตถุดิบที่คัดมาก็ดีมากๆ
สไตล์ ความเป็นต้นตำรับก็ดีมากๆ หยั่งกะส่งตรงมาจาโอซาก้าแท้ๆเลยทีเดียวฮ่าๆ
อย่าลืมลองทานเมนูของหวานที่นี่นะครับ เด็ดมากจริงๆ
เพื่อนๆพี่น้องสนใจลองพาแก๊ง คนรู้ใจไปทานดูนะครับไม่ผิดหวังแน่ๆ
เห็นว่าสาขาอื่นมีเทศกาลปูทาราบะ ด้วยเพื่อนพี่น้องคนไหนสนใจลองดู
หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่Facebookของทางร้านดูนะครับ
ร้านชาบูสุกี้สไตล์โรงเตี๊ยมญี่ปุ่น อบอุ่นเป็นกันเอง ในโซน Market Walk ชั้น 1 The Walk ราชพฤกษ์
น้ำซุปชาบูมีให้เลือกถึง 6 แบบ เริ่มตั้งแต่ซุปสาหร่ายเหมาะกับทานคู่เนื้อคาโกะโนยะที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน น้ำซุปโซบะโชยุเหมาะสำหรับทานกับเนื้อหมู น้ำซุปแกงกะหรี่, น้ำซุปไก่, น้ำซุปสุกี้, น้ำซุปกิมจิ (สองอย่างหลังเพิ่มเงิน 40 บาท)
เนื่องจากเป็นร้านระดับพรีเมียมมีสาขามากกว่า 70 สาขาในญี่ปุ่น จึงมีเมนูที่แปลกตากว่าร้านอื่นๆ แน่นอนที่พลาดไม่ได้คือ ชุดชาบูเนื้อคาโกะโนยะ เนื้อวัวสายพันธุ์ดีจากออสเตรเลีย เลี้ยงด้วยธัญพืชจากธรรมชาติ เนื้อหอมนุ่ม ยิ่งทานกับน้ำซุปสาหร่ายยิ่งได้กลิ่นหอมชัดเจน เนื้อหมูเองก็รสชาติดีไม่แพ้กัน ทานกับน้ำซุปโซบะโชยุ รสชาติเข้มข้นไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มเลย
นอกจากเมนูชาบูแล้ว ขอแนะนำว่าให้ลอง ชุดไคเซกิเนื้อคาโกะโนยะ (หรือไม่ทานเนื้อก็สั่งชุดหมู) ไคเซกิเป็นศิลปะการเสิร์ฟอาหารชั้นสูงของญี่ปุ่น แน่นอนว่าหาทานไม่ได้ง่ายๆในเมืองไทย, สุกียากี้เนื้อคาโกะโนยะ ลิ้มลองรสชาติน้ำซุปสุกี้เข้มข้น ทานคู่กับไข่ดิบเป็นน้ำจิ้มตามสไตล์สุกี้ญี่ปุ่น และชุดหมูคัทสึโทจิ หมูสไลด์บาง ซ้อนกันจนเป็นชิ้นหนา คลุกเครื่องปรุงแล้วนำมาทอด ราดด้วยไข่ดิบปรุงรส เสิร์ฟร้อนๆในกระทะ
ช่วงนี้มีโปรโมชั่น สั่ง Kaminabe Pork Shabu Shabu Set รับ ชาเขียวหรือน้ำอัดลมฟรีหนึ่งที่ และมีจัดเทศกาลปูทาราบะด้วยนะคะ เริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม 2557 ค่ะ
วันนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาทานอาหารป่าดูบ้างจ้า หลังจากกรำศึก (ทำงานเยี่ยงทาส) มาหลายเพ-ลา
ขับรถออกมาไม่ไกลจากกรุงเทพเท่าไหร่ แค่สามพราน นครปฐมนี่เอง ก็ได้ทานอาหารป่ารสจัดจ้านแบบต้นตำรับแล้ว
ร้านจินดาคาบาน่าไม่ใช่ว่าเป็นแค่ร้านอาหารนะคะ แต่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจหรือทำกิจกรรมร่วมกันในครอบครัวได้ด้วย
เพราะที่นี่มีทั้งเจ็ตสกี ลูกบอลน้ำ แพยาง ฯลฯ มีน้องแกะให้เราป้อนอาหาร หรือถ้าอยากพักผ่อน ก็มีเปล มีเตียงผ้าใบให้นอนชมบรรยากาศริมน้ำด้วยค่ะ
ส่วนเรื่องอาหารก็เด็ดๆทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นเมนูเบสิคอย่างไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ที่จัดมาเต็มทั้งไข่และเครื่อง รวมมาในหม้อ
หรือเมนูยอดฮิตของร้านอาหารป่าอย่าง แกงป่าไก่ หรือต้มยำปลาคังน้ำใส ที่นี่ก็รสชาติจัดจ้านจากเครื่องแกงที่โขลกเองตามสไตล์ไทยแท้ค่ะ
แต่เมนูที่ห้ามพลาดเลยคือ เมนูที่ทำจากกบค่ะ
เพราะร้านจินดาคาบาน่าใช้กบคัดไซส์พิเศษ ที่เรียกว่ากบภูเขา นำมาทำเป็นอาหารป่าหลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็นแกงป่า ทอดกระเทียม หรือยำแบบไทยโบราณ ก็อร่อยและรสชาติดีทั้งนั้น กบก็ตัวใหญ่เบิ้ม รับรองว่าคนที่ชื่นชอบเมนูกบต้องไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ^^
คออาหารป่า หรือผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรมเอดเวนเจอร์ หรือครอบครัวสุขสันต์ที่หาที่พักผ่อนพร้อมทานข้าวที่ไม่ไกลจากกรุงเทพ อย่าลืมนึกถึงร้านจินดาคาบาน่านะคะ
ได้มีโอกาสไปทานร้านอาหารป่าที่มีactibityทางน้ำเยอะๆอย่างร้าน Jinda Cabana มาครับ
เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ริมน้ำครับ บรรยากาศในร้านสบายๆ มีทั้งโซนที่นั่งด้านนอกรับลม
ชมบรรยากาศหรือถ้าชอบความเป็นส่วนตัว ก็มีห้องแอร์ครับ ร้องคาราโอเกะได้ด้วยนะ
ร้านจินดาคาบาน่ามีกิจกรรมให้ทำหลายอย่างเลย นอกจากจะมากินอาหารอร่อยแล้ว
ยังมีเจ็ตสกี มีลูกบอลน้ำ แพยาง เรือคายัค ไว้สำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นและมีน้องแกะ
ที่ทำหน้าตาน่ารักรอคอยอาหารจากเรา สำหรับคุณสาวๆที่อาจจะไม่ชอบความแอดเวนเจอร์
ก็มาเล่นกับน้องแกะได้ครับ
บรรยากาศแบบนี้หายากครับครบเครื่องมากๆ อาหารก็ อร่อยไม่แพง ใครอยู่โซนนั้น หรือชอบทางนี้ต้องแวะไปให้ได้เลยครับ รับรองติดใจแน่ๆ การเดินทางนี่ถ้าไม่เคยแถวบางช้างมาก่อนอาจจะงงๆนิดนึงครับผม วิ่งตามพิกัดGPSเอาแอบเลยไปนิด55+
(13.707690, 100.205305)
แต่ไปทีเสพทั้งบรรยากาศ เพื่อนฝูง อาหารอร่อยถูกปาก ราคาไม่แพง ทุกอย่างครบๆนี่คุ้มค่าเลยครับ
เชิญรับชมรีวิว เต็มๆ ได้ที่
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=akuchan&date=08-12-2014&group=1&gblog=32
ขอบคุณครับ
วันนี้มารีวิวร้านที่เหมาะสำหรับคนชอบกินลมชมวิว ริมคลอง บรรยากาศดีๆห่างไกลเสียงรถราในเมืองกรุง
คร่าวนี้ได้ไปทานร้าน "จินดาคาบาน่า" อีกหนึ่งรอบ เคยมาแล้วเมื่อปีเศษๆที่ผ่านมา ตอนนั้นก็ว่าเจ๋งแล้วนะ ร้านอะไรมีกิจกรรมทางน้ำทั้ง เจ็ตสกี พายเรือคายัค บอลลูนน้ำ เล่นน้ำ แทมโพลีน เลี้ยงแกะ คือมากันได้ทั้งครอบครัวเลย
มาครั้งที่ 2 นี้มีเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวปากอ้า ขาห้อย ณ จินดา เพิ่มมาอีก (อารมณ์คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวห้อยขา พิษณุโลก ฟิวชั่นกับก๋วยเตี๋ยวดูดี๋ ที่มีชื่อเมนูแปลกๆมีระดับความเผ็ดหลายๆเลเวลให้เลือกสั่ง)
ลองสั่งไป 2 ชาม
>> ชามแรก ของน้อง สั่งก๋วยเตี๋ยวกันตวิชญ์ เป็นเส้นเล็ก ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้นหมูเด้ง ไม่ใส่พริก ชื่อก๋วยเตี๋ยวเป็นชื่อรร.อนุบาลในย่านนครปฐม ราคา 30 บาท (น้องบอกอร่อยมาก ไม่เผ็ดเลย ชอบมาก > ใช่สิก็มันเป็นก๋วยเตี๋ยวระดับอนุบาล เด็กน้อยกินนิหว่า)
>> อีกชาม ของผมเอง สั๋งก๋วยเตี๋ยว รด. ราคา35บาท เป็นบะหมี่ ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้น คล้ายๆชามแรก แต่ว่าใส่พริกมา 1ช้อนครึ่ง (คือความเผ็ดมีหลายระดับ เริ่มต้นที่ รด. แล้วก็มีเผ็ดมากขึ้นไปเรื่อยๆ) ชื่อก๋วยเตี๋ยวร้อยตรี >ก๋วยเตี๋ยว Ranger > ก๋วยเตี๋ยวหน่วยซีล > ก๋วยเตี๋ยว Recon และอีก 3-4 ชื่อจำไม่ได้ละ คือเพิ่มเลเวลความเผ็ดไปเรื่อยๆ ราคาอยู่ในช่วง 30 -50 บาท คือถ้าอยู่ใกล้ๆบ้าน ผมนี้คงไปกินประจำเป็นแน่แท้
ความชิลล์ คือมุมสำหรับนั่งทานก๋วยเตี๋ยว ทางร้านทำเป็นที่นั่งวิวริมคลอง ไว้ให้ นั่งทานไป ดูน้ำใสๆ ไหลเย็น บรรยากาศโครตดี
พอทานเสร็จก็เดินเล่น ดูแกะ ดูนก อะไรไปเพลินๆ เห็นมีคนพายเรือคายัคเล่นกันด้วย (คือกิจกรรมทางน้ำ ของร้านบริการฟรี ยกเว้นเจ็ตสกี ที่ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเช่าเล่น แต่อย่างอื่นฟรีหมด)
มาต่อกันที่ Main Course กันครับ (คนอ่านรีวิวกล่าวในใจ>>นี้แกกิน ก๋วยเตี๋ยวเป็น appetizer เหรอเนี้ย)
เนื่องจากทางร้านเพิ่มเมนูสเต็กมาเพิ่มเติมหลายอย่าง ดูน่าทานมาก มาคราวนี้เลยขอลองแนวสเต็กสักหน่อย
>> Steak T-bone ริมโขง 220 บาท
เป็นสเต็กเนื้อส่วนทีโบน ชิ้นใหญ่พอดู มาพร้อมส้มตำ ข้าวเหนียว และน้ำพริกหนุ่ม ถือว่าเป็นสเต็กลูกครึ่งอีสานฟิวชั่น ที่ลองแล้วชอบมาก ตัวเนื้อสเต็กย่างมาสุกกำลังดีราดน้ำจิ้มแจ่วมา แล้วให้เราหั่นจิ้มกินกับน้ำพริกหนุ่ม ตามด้วยข้าวเหนียว-ส้มตำ แซ่บอีหลี สะใจหลายๆ
>> สเต็กหมูเนยสมุนไพร 120 บาท
จานนี้เป็นหมูส่วนสันใน นำไปกริลล์แล้วท็อปปิ้งข้างบนมาด้วยเนยที่ผสมสมุนไพรมา (ตอนกินจะมีรสคล้ายๆกะเนยกระเทียมด้วยนะ) เสิร์ฟมาพร้อมน้ำเกรวี่ ครัวซองค์ ผักสลัด และเฟรนฟรายด์ มาอย่างละเล็กๆน้อยๆ เสิร์ฟทั้งหมดมาบนกระทะร้อน
>> ไส้กรอกเยอรมัน 180 บาท
เป็นไส้กรอกหมูและไส้กรอกพริกไทดำ กริลล์สุกมา 2 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมซาวเคร้าท์(ผักดองแก้เลี่ยน) และครัวซองค์อีก 1 ชิ้น ตอนทานราดมัสตาร์ดอีกนิดหนึ่ง เข้ากันดีนะ
>> ไก่อบสมุนไพร 200 บาท
จานนี้เห็นอยู่ในเมนูแนะนำของร้านเลยลองสั่งมาทานดู เป็นอาหารไทยเหมาะทานแกล้มกะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีจัง เป็นไก่หมักด้วยเครื่องเทศหลายอย่าง เช่นขมิ้น,รากผักชี ,ตะไคร้,ใบมะกรูด,ข่า,นมสด แล้วน้ำไปอบ รสชาติสมุนไพรเข้าถึงเนื้อดี
ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านชิลล์ ย่านสามพราม นครปฐม ที่ควรค่าแก่การมานั่งชิลล์ ทานอาหารกัน แผนที่ทางไปร้านก็หาไม่ยากครับ กูเกิลด้วยคำว่า "จินดาคาบาน่า" แล้วก็จะเจอหมุดปัก Google map มาให้เห็นเลย กดจากมือถือให้นำทางไปถึงร้านได้เลย
ร้านนี้เป็น 1 ใน 5 ร้านที่ติดอันดับ ร้านน่านั่งชิลล์ ริมน้ำท่าจีน นครปฐม จากเว็บชิลไปไหน.com อีกด้วย (ลองไปหาบทความอ่านกันดู)
สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวอีกแล้ว ที่ร้าน จินดาคาบาน่า ครับ
พอดีได้ข่าวมาว่า ทางร้านปรับปรุง และเพิ่มเมนูใหม่ๆหลายแบบ จึงพลาดไม่ได้ต้องมาลิ้มลองซักหน่อยครับ
เดิมทีจินดาคาบาน่าเป็นร้านอาหารป่านะครับ เมนูใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาได้แก่ "ก๋วยเตี๋ยวปากอ้าขาห้อย" และ เมนูสเต็กครับ
มาลองก๋วยเตี๋ยวกันก่อนเลยครับ นั่งทานกันตรงริมคลองเลย เป็นม้านั่งยกสูง เลยเรียกชื่อว่า ขาห้อย ครับ
ตัวก๋วยเตี๋ยวมีหลายรูปแบบให้เลือกนะครับ แต่ทีเด็ดคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบโบราณสูตรถั่วคั่วครับ
มีชื่อให้เรียกตามระดับความเผ็ดนะครับ ลองสอบถามทางร้านดูก่อน แต่เครื่องก๋วยเตี๋ยวเด็ดมากจริงๆ
ทั้งหมูสับ หมูเด้ง หมูบะช่อ หรือเครื่องทะเลก็มีนะครับ
พี่ที่ไปด้วยกันสั่ง "ก๋วยเตี๋ยว รด." ครับ เป็นบะหมี่ต้มยำ ระดับความเผ็ดพริกหนึ่งช้อนครึ่ง
ส่วนของผมเป็น"ก๋วยเตี๋ยวกันตวิชญ์" เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้นหมูเด้ง ไม่ใส่พริกเลยครับ
(ที่ชื่อว่า กันตวิชญ์ เพราะเป็นชื่อรร.อนุบาลที่คนนครปฐมรู้จักกัน หมายถึงก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่พริกนั่นเองครับ เด็กน้อยม๊ากก 55+)
มาต่อกันที่เมนูสเต็กครับ ทางร้านจินดาคาบาน่า สั่งเตาย่างเนื้อมาจากเมืองนอกเลยนะครับ รับประกันความอร่อยครับ
เมนูแนะนำคือ "สเต็กทีโบนริมโขง" ที่นำเนื้อส่วนทีโบนมากริลล์จนสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว ส้มตำ และน้ำพริกหนุ่ม เป็นสเต็กฟิวชั่นลูกครึ่งอึสาน
เนื้อทีโบน ทานเดี่ยวๆก็อร่อยเข้มข้น ทานกับข้าวเหนียวส้มตำก็แปลกไปอีกแบบ แต่ไม่น่าเชื่อว่า เอามาทานกับน้ำพริกหนุ่มแล้วเข้ากันมากๆครับ
หรือ "สเต็กหมูเนยสมุนไพร" ที่นำสันในหมูมากริลล์จนสุก ราดด้วยเนยสดผสมสมุนไพรสูตรเด็ด ทานคู่กับครัวซอง เฟร้นฟราย และสลัดครับ
จบไปอีกทริปฟินๆ สนุกสนานทั้งกิจกกรมที่ทางร้านมีให้เล่นต่างๆและอาหารก็อร่อยคุ้มค่า เห็นว่าเดี๋ยวจะลง ซีฟู๊ดเซตใหญ่อีก
โอ๊ย อยากกลับอีกมากๆครับ เพื่อนพี่น้องที่สนใจและเคยไปมาแล้ว กลับไปอีกรอบรับรองไม่มีเบื่อครับทางร้านอัพเดตอะไรใหม่ๆโอๆ
อยู่เรื่อยๆเลยครับ สนใจสอบถามติดตามได้ที่ทางเพจของทางร้านดูได้เลยครับ
อ่านReview ฉบับเต็มได้ที่
http://goo.gl/GSGLRo
ขอบคุณครับ
ร้านชาบูเปิดใหม่ ย่านเกษตร-นวมินทร์ อยู่ในซอยลาดปลาเค้า41 (ซอยเดียวกับสนามฟุตบอลโคปา) เป็นชาบูสไตล์ไทย-อีสาน ราคาเนต 369 บาท
น้ำซุปมีให้เลือก 2 แบบ น้ำซุปใสและน้ำซุปแจ่วฮ้อนสไตล์อีสาน
หม้อชาบูเลือกได้ว่าจะเอาแบบน้ำเดียว หรือสองน้ำ (ไม่ต้องเพิ่มเงิน)
มีเมนูให้เลือกเยอะ40 กว่าอย่าง ที่ถูกใจคือ เนื้อน่องลาย เนื้อใบพาย หมูสามชั้น หมูสันคอ
และกุ้ง-หมึก ก็มีเหมือนกัน
ตระกูลพวกลูกชิ้นก็มีให้เลือกหลายประเภท มีลูกชิ้นซิกเนเจอร์ของร้านด้วยชื่อว่า คริสตัลแจ่วโว้ยย ลูกค้าที่สอดไส้น้ำจิ้มแจ่วอยู่ข้างใน ส่วนลูกชิ้นอื่นๆที่ชอบก็มี เต้าหู้ชีส ลูกชิ้นกุ้งมังกร ปลาม้วนไข่เค็ม ลูกชิ้นไข่ปลา(ข้างในสอดใส้ไข่ปลา เวลากัดจะเห็นไส้ปลาทะลักออกมาด้วย ฟินมาก)
นอกจากนี้ยังมีทีเด็ด ที่รวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ด้วยคือ ร้านนี้มี คอหมูย่าง น้ำตกหมู ลาบหมู ตับหวาน ปีกไก่ทอด ลาบหมูทอด(เป็นชิ้นกลมๆ)
สวัสดีครับผม
วันนี้มีโอกาสอันดีได้ไปแถวลาดปลาเค้ามาครับ แล้วก็ได้ไปพบกับร้านเด็ดร้านนึงเข้า
ซึ่งเป็นร้านชาบูแบบฟิวชั่นครับ ร้านนี้อยู่ในซอย ลาดปลาเค้า41 ซอยเดียวกับสนามฟุตบอลCopaครับแถวนั้นคงรู้จักกันดี
ชื่อร้าน "แจ่วโว๊ย" ครับ เป็นร้านสไตล์วัยรุ่นๆผสมไทยอีสานครับ
ซึ่งแต่ละเมนูในร้านก็ไม่ธรรมดาครับ เริ่มต้นที่ซุป ที่ร้านแจ่วโว้ยนี่มีให้เลือกสองซุป คือ
ซุปใส กับซุปแจ่วฮ้อนครับ (แน่นอนว่าสั่งฮาล์ฟน้ำซุปได้ครับ อย่างละครึ่งหม้อ)
มาต่อกันที่เครื่องชาบูครับ ผมแนะนำเลย สันคอหมูอร่อยมากครับ ผมเบิ้ลไปหลายถาดเลย
หรือท่านใดชอบเนื้อ ที่นี่ก็มีให้บริการนะครับ มีหลายแบบให้เลือก คนรักเนื้อฟินแน่ๆครับ
อีกอย่างนึงที่แนะนำนะครับ คือ คริสตัลแจ่วโว้ย ลักษณะคล้ายลูกชิ้น ข้างในเป็นน้ำจิ้มแจ่ว
ปรุงรสพิเศษครับ อร่อยมากๆ รสชาติเข้มข้นครับ
ที่พิเศษคือ ร้านนี้มี Appetizers หรือเมนูทานเล่นรวมอยู่ในบุฟเฟ่ต์ด้วยครับ ซึ่งก็จะเป็นอาหารอีสานครับ เช่น คอหมูย่าง ลาบหมู น้ำตกหมู ปีกไก่ทอด ฯลฯ ขอบอกว่าคอหมูย่างอร่อยมากครับ
ร้านนี้เพิ่งเปิดได้ไม่นานครับ ตอนนี้มีแบบทั้งสั่งตามเมนูและบุฟฯ 369 บาทnet ทานได้ 1 ชั่วโมงครึ่งครับ
เรทนี้ส่วนตัวว่าอาจจะดูสูงไปสำหรับย่านนั้น แต่รวมทั้งน้ำอัดลมและAppetizersเด็ดๆไม่อั้นไว้แล้วครับ
ผมว่าคุ้มค่าเลยทีเดียวเพื่อนพี่น้องท่านใดอยู่แถวนั้นหรือผ่านไปต้องลองให้ได้ครับ
อ่านรีวิวผมร้านนี้และร้านอื่นๆฉบับเต็มๆได้ที่
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=akuchan&month=23-09-2015&group=1&gblog=42
ขอบคุณครับ
พอดีมีมางานที่เชียงใหม่ได้มีโอกาสไปร้านอาหารร้านนี้..
วันนี้เลยจะมารีวิวร้านอาหารเพื่อสุขภาพแบบจริงๆจังๆกันครับ
ร้านนี้เป็นร้านอาหารมังสวิรัติเปิดใหม่ของเชียงใหม่ครับ
ชื่อร้านว่า "J Kitchen (by Vieng Joom On)" ครับ
ร้านมีสองชั้นนะครับชั้นสองจะมีโต๊ะรองรับเยอะอยู่ครับเหมาะกับมาประชุม
นัดคุยงานหรือครอบครัวใหญ่ๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวนิดๆ แล้วจะมี
พนักงานคอยขึ้นมาประจำบริการไว้เลยไม่ต้องใช้กระดิ่งแบบด้านล่างครับ
ส่วนเรื่องอาหาร ที่ได้ลองก็มี...
• Bake apple ครับ แก้วนี้โดดเด่นในเมนูน่าสั่งมาก
เป็นชาที่ไม่มีคาเฟอีนด้วย ราคา 90 บาท รสชาติดีมากๆ ครับ
หอมอมเปรี้ยวกำลังดีครับ
• Earl gray green tea ครับ ราคา 90 บาทเช่นกัน
เพิ่งเคยเจอเอิร์ล เกรย์แบบเย็นครับ แต่ติดใจเลยครับหอมมากๆ
ไม่ฝาดเลย ใส่น้ำแข็งขนาดนี้รสชาติ ความหอมแทบไม่เจือจางเลยครับ
• Popeye cheese ครับ ราคา 95 บาท เสริฟพร้อม
ซัลซ่าซอส มองทีแรกก็อืมไม่เด่นไรมากจานนี้ แต่พอได้ลอง
โห หยุดไม่ได้ครับ 55+ ไส้ในเป็นชีส(หอมสุดๆ)และผักโขมทาซัลซ่าซอส
แล้วลงตัวมากๆครับ อร่อยมากๆ แนะนำครับ
• ทอดมันข้าวโพดหวาน ครับจานนี้ราคา 105 บาท
เสริฟพร้อมน้ำจิ้มที่คล้ายอาจาดครับไม่แน่ใจว่าใช่รึเปล่า
ทานตอนร้อนๆ มีสมุนไพรหลายชนิดด้วยครับ รสชาติรวมๆจะเผ็ดนิดๆ
ลงตัวครับจานนี้ตัวข้าวโพดหอมหวานเด่นมากจริงๆ
• แองเจิ้ลแฮร์ผัดน้ำมันเมล็ดชา ราคา 140 บาท
เส้นสปาเก็ตตี้แองเจิ้ลแฮร์ผัดกับน้ำมันเมล็ดชามีประโยชน์ต่อสุขภาพเป็น
อย่างมาก เพราะมีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ และมีกรมไขมันไม่อิ่มตัวสูง
กรดไขมันไม่อิ่มตัวเหล่านี้ช่วยลดระดับ คอเรสเตอรอลชนิดไม่ดี
และเพิ่มระดับคอเรสเตอรอลชนิดดี แถมยังใส่มะเขือเทศราชินีมากอีก
คุ้มค่ามากๆครับจานนี้
• ข้าวผัดเจคิทเช่น ครับ เมนูแนะนำทั้งยังมีชื่อร้านการันตี
ไม่สั่งมาลองไม่ได้ครับ...ทานแบบโรยเครื่องเคียงตามใจชอบที่เด่นๆ
คือโปรตีนเกษตรครับ กรอบร่อยมากๆ เข้ากันสุดๆ มะนาวหั่นมาทั้งเปลือกเลย
ให้ทานเลยไม่ต้องบีบใส่ ตอนแรกไม่กล้าลองนิดๆ พอลองทานเข้ากันมากๆครับ
อร่อยมากๆ ราคา 120 บาทครับเมนูนี้ต้องลองครับ
• ไข่ตกน้ำปวยเล้ง ครับชื่อเมนูแอบแปลก ราคา 90 บาทครับ
ส่วนตัวชอบพวกไข่น้ำอยู่แล้ว ทานคู่กับ ข้าวผัดเจคิทเช่นนี่ขอบอกว่า
อร่อยๆมากๆ แย่งซัดเรียบแทบไม่แบ่งใครเลยครับ 555+
แทบจะยกซดครับ ชอบมาก ๆ มีเห็ดต่างๆ ทำให้ลืมเนื้อหมูไปเลยครับ
ไม่จำเป็นต้องมีเลยครับ แจ่มมากๆ
(จริงๆอร่อยจนแทบลืมไปเลยว่าทานอาหารมังสวิรัติอยู่ด้วยซ้ำ)
• ยำตะไคร้เห็ดเข็มทอง ครับ ราคา 150 บาท เป็นจานใหญ่ครับ
ถ้าจานเล็กจะราคา 90 บาท จานนี้ตอนแรกไม่กล้าทานครับกลัวเผ็ด...
แต่เป็นคนชอบเห็ดเข็มทองมาก เลย ลองตอนหลังๆ โห หยุดไม่ได้ครับ
อร่อยมากๆ ขนาดได้ตอนได้ทานคือทิ้งไว้นานแล้วเริ่มไม่กรอบแล้ว
ยังติดใจไม่สนเรื่องเผ็ดแล้วครับ ซัดแหลกขนาดไม่ให้เก็บเลยทีเดียว
ชอบรสชาติและ ตัวเห็ดเข็มทองชุบทอดมากๆครับ แนะนำเลยครับจานนี้
• mousseมะพร้าวอ่อน และ mousseลอดช่อง ราคาแก้วละ 25 บาทครับ
ตอนแรกอิ่มไม่ไหวแล้ว เจ้าจองร้านมีมาแนะนำว่า ทานตัวนี้แล้วจิบชาตาม
ต่อให้อิ่มแค่ไหนก็หมด ตอนแรกไม่เชื่อครับ ลองทานนิดเดียว...
อื้อหือ... หวานหอมอร่อยมากๆ ครับ เนื้อมะพร้าวอ่อนและลอดช่องนุ่ม
เข้ากับมูชมากๆ สุดๆครับแทบจะสั่งเพิ่มอีกเยอะๆเลยครับ
• ชาที่จิบตามคำแนะนำเป็น ชาร้อน 1001 arabian night ครับ
ราคา 90 บาทต่อ 1 กา เติมน้ำร้อนเพิ่มได้ครับ
รู้สึกจะเป็นชาดำกับชาเขียวมาเบลนด์กันกับดอกไม้ หอมมากๆครับ
ทานต่อจากมูสทะพร้าวอ่อนจะตัดกันมากๆ ฟินมากๆครับจริงๆ
จากใจเลยตอนแรกที่พี่ชายชวนไปทานร้านอาหารแนวมังสวิรัตินี้
แอบอุ่ย...ไม่ใช่แนวม้าง... แต่ก็ลองไปดูครับ ไปถึงร้านก็โอ้วตกแต่ง
ได้มีสไตล์ดีมากๆ ครับ ออกไปทางแนวๆ อินเดียๆ ทิเบตๆ
ไปถึงชมร้านก่อนเลย เค้าบอกโต๊ะ เก้าอี้ หน้าต่างนี่ อินพอร์ตมาจากอินเดีย
และเพื่อนบ้าน หลายๆชิ้นเลย โอ้ว ได้อารมณ์จริงๆ...
พอทานมื้อเสร็จได้นั่งคุยเกี่ยวกับมังสวิรัติ มีประโยชน์ต่อสุขภาพ
แบบนี้แทบอยากจะเป็นมังฯไปอีกคนเลยครับ เสียอย่างเดียวพอกลับมา
กรุงเทพฯแล้วหาร้านมังสวิรัติอร่อยๆแบบนี้ยากมาก
เพื่อนๆ คนไหนอยู่เชียงใหม่ หรือใกล้เคียงพาครอบครัวคนที่รัก
ไปลองได้เลยครับ ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
พนักงานแดูไม่ค่อยมีความสุขในการบริการเท่าไหร่
มานั่งปุ๊ปเอานาโช่มาเสิร์ฟกับซัลซ่า รสชาดโอเค
สั่งสเต๊กหมูมากินซอสเดมิกรา ขนาดชิ้นหมูใหญ่ใช้ได้ น้ำซอสไม่ร้อนเท่าไหร่ พอจะราดแล้วจับตัวเป็นก้อนเลย
ราคาถูกเพราะว่าที่ร้านลดราคาหลายรายการ ทั้ง ซุปและสลัด
ผมสั่งซุปแคลมโชวเดอร์มากินก็อร่อยดี แต่ไม่ได้ลองสลัด
กินเสร็จสั่งเค๊ก 50 บาทมากินเพราะเห็นลดราคาครึ่งนึง เลยหยวนๆ
ปรากฎว่าเค๊ก 50 บาทมีปริมาณเพียงครึ่งเดียวของที่โชว์อยู่ แต่ทางร้านได้ให้ไอติมมาเพิ่มแทน นับว่าไม่เลวนักสำหรับ 50 บาท (แม้ว่าไอติมจะธรรมดาๆเหมือนวอลล์ไรงั้นเลย)
คงไม่ไปอีกแล้วเพราะว่าพนักงานบริการไม่ได้มาตรฐาน
(คิดว่าทาง ผู้จัดการร้านคง train มาไม่ดี สังเกตจากที่พนักงานพยายามทำงานแต่งานออกมาไม่ดี)
อาหารบางอย่างยกมาตอนเย็นเกือบชืดแล้ว
สั่งน้ำเปล่าพนักงานหยิบมาให้ทั้งที่มือเปื้อนยา ซึ่งยามาเปื้อนขวดน้ำ แต่พนักงานขอโทษเพราะว่าเขาเจ็บมือและกำลังทายาอยู่ แต่ต้องรีบเอามาให้ก่อน ซึ่งผมไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำไม ทำไม ผู้จัดการ ถึงไม่จัดการเรื่องนี้ให้ออกมาดี รอให้ทายาเสร็จแล้วค่อยยกมา หรือ มาบอกให้รอสักครู่ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่
พนักงานยังไม่่ค่อยเก่งด้วยว่า แม้อาหารจะเสร็จหลายจานแต่หนึ่งคนจะยกทีละจานมาเสิร์ฟซึ่งทำให้เสียเวลาเดินหลายรอบมากๆ เหนือยปล่าว ถ้าผมเป็นเจ้าของร้าน ผมจะเปลี่ยนผู้จัดการเป็นอันดับแรกเลย
อยากทำงานร่วมมือกันค่ะ