All reviewing comments
Search for comments
อร่อย สเต๊กและสลัดมีคุณภาพดีมาก แต่เวลาห่อกลับบ้านบรรจุไม่ค่อยมิดชิดพอถึงบ้านน้ำสปาเก๊ตตี้หกไปครึ่งถุง
พอดียัยเพื่อนสาวชวนมาเดินเล่นเอ็มโพ้วเหรี่ยมชอพพิ่งในวันว่างอะคะ เห็นว่าแบรนด์เนมส์มีลดราคา พวกของลดราคาแบรนเนมส์นี่ชั้นก็ไม่ค่อยชอบซะเท่าไหร่นะคะ รู้สึกเหมือนมีแต่ของเอ้าท์ออฟซี้ซึ้นมาขายทั้งนั้น เชอะ (ชั้นไปซื้อรุ่นพึ่งออกใหม่ล่าสุดของซี้ซึ้นแถวแพลตินั่มก็ได้ย่ะ เช่อะ! -_-")
แล้วยัยเพื่อนก็แนะนำอีกตามเคยว่า อยากกินหมูทอดจังเรย~~
แล้วก็คะยั้นคะยอว่าจะเลี้ยงเจ้านี้ ชั้นก็แบบว่า ต๊ายยย หมูทอด ช่างเป็นอะไรที่ขัดกับนิยามแห่งความงามของชั้นที่สุดยัยนี่!! แต่เห็นยัยนี่บอกจะเลี้ยง เนื่องจากคนที่เป็นที่รักของเพื่อนแถมสวยเช่นชั้น ก็เลยจำใจต้องตามใจมันนะยะ แต่.. ชั้นไม่ได้ห่วงกินหรือเห็นแก่ของฟรีนะยะ อย่ามามองชั้นด้วยสายตาแบบนั้น (เด๋วชั้นเช็ดน้ำลายมุมปากชั้นก่อน!)
มาถึงก็สั่งชุดอลังสุดในร้านเรยยัยนี่ คัตสึคอมโบอะไรซักอย่าง ชั้นก็แบบ เอิ่มแก! -_-"
ชั้นยิ่งกำลังจะได้เอ้ทเตรียมตัวสำหรับนิ้วหยวกแฟ้ชึ่นวีคเดือนกันยานี้อยู่ (เตรียมตัวดูคลิปผ่านยูทูป -_-")
พอมาเสิร์ฟ.... โอ้วกรี๊ซซซซ น่ากินมวากกกส์ ดีที่มีผักเติมฟรีไม่อั้น เลยรู้สึกว่ามีวิตามินเฮ้ลที่นิดนึง ส่วนของทอดนี่ อร่อยมวากกกกส์ หมูเนื้อนุ่ม แป้งเกล็ดขนมปังใหญ่ ร่วน ไม่อมน้ำมัน อร้างส์~~!
เริ่ดมากเลยย่ะ!
(แต่แอบเห็นบิลแล้วก็แพงอยู่นะยะ เซ็ตนี้ปาไป 660++ เรยเหรอ
ชั้นต้องพายัยเพื่อนสาวไปเลี้ยงส้มตำใช้คืนกี่มื้อยะเนี่ย -_-")
ร้านนี้ อาหารอร่อยหลายอย่างครับ แต่มีทีเด็ดที่เครปเค็กครับ ใครอยู่ใกล้ๆต้องแวะไปชิมให้ได้นะครับ
เทสระบบ
สาขานี้ทำไม่อร่อย ทำไม่ดีเหมือนสาขาอื่น อย่างเช่นมันสีม่วง ควรปรับปรุงด้วยนะคะ
เนื้อมันไม่ละเอียดบางคำมันกัดแล้วเป็นก้อนรูปลักษณ์ไม่สวยงานเหมือนสาขาอื่น
ได้โปรดปรับปรุงใหม่ด้วยนะคะขอร้อง ฉันชอบกินมากและสาขานี้ใกล้บ้านที่สุด
สุดยอดข้าวหน้ากุ้งทอด โดยเฉพาะข้าวหน้ากุ้งทอดแบบพิเศษที่มาที 7 ตัว - -"
ชามละ 300 แต่เติมข้าวฟรี ชาฟรี ซุปฟรี ก็เรียกว่าคุ้มคับ ถ้าเทียบกับหมูทอดซาโบเทนร้านข้างๆ ราคาก็พอๆ กันนะ
เป็นครั้งแรกที่กินข้าวหน้ากุ้งทอด tendon แล้วข้าวหมดก่อนกุ้ง - -'
พนักงานไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่เลยคับ หยิบกล้องมาจะถ่าย ก็ตวาดใส่ว่าห้ามถ่าย - -'
และเวลาสั่ง ก็ดูน้ำเสียงไม่ค่อยรับแขกเลย
แต่จุดเด่นคือ topping maccadamia nuts ที่เค้าปลูกในโครงการบนดอยตุงอะครับ ไม่น่าเชื่อว่าจะเข้ากับกาแฟ mocha มากๆ อร่อยจริง (แต่แพงจัง รู้สึกจะต้องเพิ่ม 20 มั้งคับ)
ร้านนี้แต่งร้านได้เก๋ดีครับ ออกแนวเมดิเตอเรเนี่ยน ซึ่งผมว่ามันก็อาจจะเป็นข้อเสียของร้าน เพราะพอลองไปดูเมนูร้าน มันเป็นแนวอาหารไทยซีฟู้ดซะมากกว่า ในขณะที่บรรยากาศร้านมันดูเป็นแนวอาหารฝรั่งมากๆ (ซึ่งก็สวยดี)
ทีแรกนึกว่าจะขายแนว หอยเชลล์อบเนย ปลาค้อทเสต็ก อะไรแบบนี้ ไปดูเมนูดันกลายเป้นแนวส้มตำปูม้า ปลากระพงทอดน้ำปลา - -" เห็นมีเมนูสเต็กซาลมอน ก็เสิร์ฟพร้อมข้าวสวย - -'
แต่พอไปลอง ผมว่ารสชาติก็โอเคทีเดียวนะคับ พวกอาหารแนะนำเค้ารสชาติก็ใช้ได้เลย
บริการ มีพนักงานบางคนที่เป็นระดับหัวหน้า ผมว่าพูดจาดี บริการใส่ใจดี แต่พนักงานระดับล่างๆ บางทียังงงๆ ไม่ค่อยมาบริการเท่าไหร่
โดยรวม ผมว่าก็เป็นร้านอาหารทะเล+อาหารไทยที่โออีกร้านในเทอมินอลนะคับ แต่ไม่รู้ทำไมคนน้อยตลอดเลย
ร้านอาหารเกาหลีที่มีให้บริการครบครันทั้งปิ้งย่างและอาหารจานเดียวสไตล์เกาหลีแท้ๆออริจินัลกันเลยร้านนี้
ร้าน Doorae ตั้งอยู่ที่คอมมูนิตี้มอลล์ BeeHive ที่เมืองทองธานีครับ มีที่จอดรถสะดวกสบาย หรือท่านใดมาเดินงานที่อิมแพค เดินเที่ยวเสร็จแล้วมาทานอาหารต่อที่นี่เลยก็ใกล้ๆครับไม่ต้องทนหิวจาการรถติดในเมืองแน่ๆเพราะร้าน Doorae เป็นร้านอาหารเกาหลีแท้ๆ ที่รองรับศิลปินเกาหลีที่เดินทางมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครับ นอกจากจะทำอาหารส่งให้แล้ว บางทีศิลปินก็มาทานถึงที่ร้านเลยครับ
ดังนั้นหายห่วงเรื่องคุณภาพ บริการที่ดี รวมถึงรสชาติได้เลยเป็นที่แนะนำขนาดนี้
ครั้งนี้ผมทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง และสั่งอาหารจานเดียวเพิ่มอีกนิดหน่อยครับ ซึ่งในส่วนของบุฟเฟ่ต์นั้น มีราคาอยู่ที่ 349 บาท ซึ่งเป็นราคาเน็ท ไม่มีบวกเพิ่มใดๆทั้งสิ้นครับ
ในราคานี้ จะทานหมู ไก่ และเครื่องเคียงสไตล์เกาหลีได้ไม่อั้น แต่ไม่รวมเนื้อวัวครับ ถ้าจะทานเนื้อวัวต้องสั่งแยกเป็นจานๆครับ หรือถ้าท่านใดคิดว่าทานบุฟเฟ่ต์ไม่คุ้ม จะสั่งเป็นอะลาคาร์ท ทางร้านก็มีให้บริการครับ
สำหรับเมนูปิ้งย่างผมสั่งมาหลายจาน ที่เด็ดๆขอแนะนำเลยคือ เซ็งคาลบี้หรือซี่โครงเนื้อย่าง เป็นเมนูอะลาคาร์ทนะครับ จะเป็นเนื้อแผ่นยาวๆติดส่วนซี่โครง โรยเกลือมาด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ ตัวนี้สุกแล้วทานเปล่าๆก็อร่อย
หรือจะทานแบบเกาหลี โดยเอาเนื้อหาอด้วยผักแล้วทาน ก็ฟินไปอีกแบบครับ อีกจานที่ขอแนะนำคือ ซุปพุนบูลโกกิหรือเนื้อสไลด์บางหมักซอส เป็นจานอะลาคาร์ทครับ
เนื้อสไลด์หมักด้วยซอสผลไม้สูตรพิเศษ ตัวนี้ย่างออกมาแล้วรสชาติหวานหอม ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยครับ และจานที่ห้ามพลาดคือเทจีคาลบี้หรือซี่โครงหมูหมักซอส ตัวนี้จะหมักมากับซอสพริกแบบเกาหลี
รสชาติเผ็ดนิดๆ อร่อยมากครับ
นอกจากเมนูปิ้งย่างแล้ว ผมก็สั่งเมนูแนะนำของทางร้านมาลองด้วย แน่นอนว่ามาทานอาหารเกาหลีก็ต้องมีโสม เลยสั่ง ซัมเกทังหรือซุปไก่ตุ๋นโสมครับ หม้อนี้ 420 บาท
อาจจะดูแพง แต่หม้อนี้เป็นไก่ทั้งตัวยัดไส้ด้วยโสม ข้าวเหนียว พุทรา เกาลัด และเก๋ากี้ นำไปตุ๋นในน้ำซุป ซึ่งซุปนี้มีให้เลือกสองแบบนะครับ คือซุปเนื้อกับซุปปลา
ท่านใดไม่ทานเนื้อก็รีเควสซุปปลาได้เลย เสิร์ฟในหม้อร้อนสไตล์เกาหลี ตัวนี้ทานแล้วชุ่มชื่น ไก่ตุ๋นมากำลังดีเอาตะเกียบคีบเนื้อก็หลุดออกจากกระดูกง่ายดายครับ ข้าวเหนียวที่ยัดไส้มาก็หอมอร่อย
หม้อนี้แนะนำให้สั่งเลยครับ และที่ห้ามพลาดอีกคือ ยุคเคบีบิมบับหรือข้าวยำเนื้อสด 330บาท ข้าวยำสไตล์เกาหลีประกอบด้วยผักนานาชนิด
ทั้ง ซุคินี่ ถั่วงอกหัวโต หัวไชเท้า ปวยเล้ง สายบัว แครอท มะละกอ ท็อปปิ้งด้วยเนื้อสดและไข่แดง เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ใส่โคชูจัง คลุกให้เข้ากันแล้วทานตอนร้อนๆอร่อยมากครับ
นอกจากอาหารคาวแล้วก็ยังมีของหวานเป็นบิงซูด้วยครับ ขอแนะนำ บิงซูมะม่วง ที่เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อมะม่วงสุกหอมและซอสมะม่วงเพิ่มความอร่อย และบิงซูชาเขียวถั่วแดงรสชาติเข้มข้นครับ
ใครพลาดร้านนี้ไปนี่ต้องคิดใหม่อีกทีเลยครับไม่เชื่อต้องไปลองครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/bux140
วันนี้ขอมารีวิวร้านอาหารเกาหลี อร่อยเลอค่า ในย่านเมืองทองธานี กันนะคับ ร้านที่ว่าคือ DooRae Korean BBQ Restaurant หรือภาษาไทยอ่านว่าร้านดูเร
[พิกัด]
ตั้งอยู่ในห้าง BeeHive เมืองทองธานี (ตรงข้ามกับ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช) ร้านอยู่ชั้น2 เดินขึ้นบรรไดเลื่อนมาหาไม่ยากคับ อยู่ตำแหน่งเดียวกับ Tops Market แต่อยู่ชั้น2 ร้านนี้พื้นที่ค่อนข้างกว้างมากทีเดียว ใครสนใจอยากเหมาร้าน เพื่อจัดงานเลี้ยง 100 - 150 คนนี้ได้สบายๆเลย
ที่จอดรถก็จอดในห้างได้มากมาย หลายร้อยคัน ถือว่าสะดวกมากทีเดียว
[Decor]
ร้านตกแต่งผสมผสานกันระหว่างความเป็นเกาหลีดั้งเดิมและโมเดิร์นเกาหลีอย่างลงตัว ภายในร้านจะมีโต๊ะอยู่เยอะพอสมควร จัดเป็นซุ้มๆสีขาวๆ โต๊ะเก้าอี้ ให้ความรู้สึกดูดี มีเกรด มีความเป็นร้านระดับ Fine Restaurant เลยทีเดียว
โต๊ะอาหารจะเป็นโต๊ะหินอ่อน ที่ฝั่งเตาไว้ภายในโต๊ะเลย ทำให้ไม่ดูเกะกะ ขณะปิ้งย่าง และระบบดูดควันจะอยู่รอบๆปากเตา ทำให้ไม่เห็นมีท่อดูดควันเกะกะตาเหมือนอย่างพวกร้าน KimJu และร้านเกาหลีอื่นๆ ความเป็นร้านอาหารเกาหลีของร้านนี้ ค่อนข้างเด่นชัดมากๆ อย่างพวกช้อนและตะเกียบเขาก็จะมีกระดาษที่เขียนเป็นภาษาเกาหลี(อ่านไม่ออก)หุ้มไว้อีกชั้นนึง ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานอยู่ ในบรรยากาศร้านแบบเกาหลีมากๆ (คือส่วนตัว ก็กินอาหารเกาหลีมาหลายร้านแล้ว แต่ร้านอื่นๆที่เคยกิน เขาจัดภาชนะ วิธีการเสิร์ฟอะไรต่างๆ ที่บ่งบอกความเป็นไทยอย่างเห็นได้ชัด) แต่ที่สัมผัสได้จากร้านดูเร นี้มันจะอีกอย่างนึงเลย แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ได้คุยกับผู้จัดการร้าน ก็ได้ความว่า เจ้าของเป็นคนเกาหลี มาเปิดร้านในไทยร้านแรกอยู่ตรง Korean Town สุขุมวิท12 (ที่มีร้านสไตล์เกาหลีเยอะๆอยู่ในนั้น) ตั้งแต่ปี2542 แล้วพอดีมีเพื่อนเจ้าของมาเปิดร้านฟิตเนสที่ห้าง BeeHive แห่งนี้ เห็นทำเลดูดี เลยชวนๆเจ้าของร้านดูเร มาเปิดที่นี้เป็นสาขาที่ 2 ตอนแรกร้านเปิดมาพร้อมห้างบีไฮฟ์ ก็ขายแต่ a la carte อย่างเดียว (เหมือนสาขาแรก) แต่ว่าลูกค้าเข้าน้อย เพราะร้านอาหารใกล้เคียงกัน ก็เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ทั้งนั้น ทั้ง Giant Yakiniku , Buta Shabu และร้านญี่ปุ่นในห้างบีไฮฟ์แห่งนี้ก็ขายแบบบุฟเฟ่ต์กันหลายร้าน แถมย่านนี้เป็นชานเมือง คนไม่เปย์มากเหมือนสาขาที่สุขุมวิท ทางเจ้าของเลยตัดสินใจ เพิ่มรูปแบบ Buffet 349 บาทเข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามาลองทานที่ร้านบ้าง (ซึ้งจริงๆ ถ้าใครเคยกินร้านดูเรที่สาขาโคเรียนทาวน์ จะรู้เลยว่าเนื้อหมู เนื้อวัวของที่นี้คัดเกรดมาดีมากๆ ในระดับที่ไม่น่าจะมาขายเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ได้ ถ้าเปิดดูราคาในเล่มเมนูจะเห็นได้ชัดเลยว่า แค่หมูหมักซอส 1 จานราคาอะลาคาร์ตก็ตกจานละ 320-350 บาท แต่ร้านใจป้ำมากๆ ที่กล้า ทำราคาบุฟเฟ่ต์คนละ 349 บาท แบบสั่งได้ไม่อั้นขนาดนี้
คือเอาจริงๆนะ ถ้าไปกินกัน 2 คน สั่งเมนูหมูอะไรมาสัก 3 อย่าง กินพร้อมเครื่องเคียงที่ร้านมีให้ไม่อั้นอยู่แล้ว คิดหัวละ 349 บาทนี้ก็คุ้มแล้วละ จานที่4-5-6 เป็นต้นไปนี้คือกำไรคนกินล้วนๆ
[Food]
เข้าเรื่องอาหารกัน มาร้านนี้ต้องจัดบุฟเฟ่ต์เลย คุ้มค่าสุดๆ กับราคา 349 บาท(เนตแล้วด้วย) ทานได้ 1ชั่วโมงครึ่ง สั่งได้ไม่อั้นในเมนูบุฟเฟ่ต์ที่เตรียมไว้ให้ พร้อมผักทุกอย่างสั่งได้ไม่อั้น และกิมจิเครื่องเคียง ทางร้านจะมี 8 อย่างมาเสิร์ฟให้เรา (พนักงานบอกว่า เครื่องเคียงบางอย่างอาจจะทำสลับๆกันไปในแต่ละวัน แต่จะมีกิมจิหลักๆอยู่5อย่างที่มีทุกวันแน่ๆ)
แต่เมนูบุฟเฟ่ต์จะเน้นไปที่เนื้อหมูและไก่ นะคับ ใครอยากสั่งเนื้อวัวมาทาน ต้องสั่งแยกเป็นจานๆไป (ไม่รวมอยู่ในบุฟฯ ก็ต้องยอมเขาหน่อยอะนะเนื้อวัวนำเข้าราคาค่อนข้างแพง แต่เนื้อวัวที่นี้รสชาติมันเยี่ยมมากมายจริงๆนะขอบอก)
-เครื่องเคียง กิมจิและอื่นๆ (เติมได้ไม่อั้นด้วยนะ)
ร้านดูเรนี้ ถ้ามานั่งทานไม่ว่าจะสั่งแบบ A la Carte หรือ Buffet ก็ตามเราจะได้รับการเสิร์ฟเครื่องเคียงมากมาย 8-10 อย่างตระการตาเต็มโต๊ะเลย (เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเลยที่ทำให้ผมปลื้มกับอาหารเกาหลีมั๊กๆ)
อย่างวันที่ไปกินกับแก็งกรุ๊ปได้เครื่องเคียง มา10อย่าง คือ กิมจิผักกาดดอง , กิมจิมะละกอ , กิมจิหัวไชเท้า, สลัดมันฝรั่ง, หอมดอง, หัวไชเท้าดอง, ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ, ยำผักโขม, มันฝรั่งชุปแป้งทอด, สลัดผัก
เมนูปิ้งย่างที่สั่งมาทานกัน
- ซี่โครงหมูหมักซอส (เทจิคาลบี้) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- หมูสามชั้นย่าง (ซัมเดฟไซล) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- สันนอกหมูหมักซอส (ซุฟพูนเทจิบูลโกกิ) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- ซี่โครงเนื้อย่าง (เซ็งคาลบี้) 590 บาท [สั่ง a la carte]
- เนื้อสันนอกย่าง (เซ็งดึงชิม) 550 บาท [สั่ง a la carte]
- เนื้อสไลด์บางหมักซอส (ซุฟพุนบูลโกกิ) 400 บาท [สั่ง a la carte]
ชอบปิ้งย่างของร้านนี้ เพราะ
1.พนักงานจะมาช่วยปิ้งเนื้อ กลับเนื้อ ตัดเนื้อให้เราที่โต๊ะเลย (คือไม่ต้องเรียก แต่มาบริการให้ที่โต๊ะเลย) และเตาถ่านของร้านนี้ไฟแรงจริงๆคับ เนื้อชิ้นใหญ่ๆ เอาลงไปย่างแป็ปเดียวเอง กลับข้างแล้ว อีกแปปเดียว ก็สุก พนักงานยังช่วยกรรไกรตัดเป็นชิ้นๆอีก บริการดีงามมาก ไปกินร้านนี้ช่วยๆทิปพนักงานกันด้วยนะ เพราะว่าสาขานี้เขาไม่มี +Service Charge ใดๆแต่ถ้าชอบบริการก็ติปให้หน่อยเป็นกำลังใจกัน
2. ผักกินแกล้มกับเนื้อย่าง-สดและสะอาดมาก คือเขาจะมีชามใส่ผักกาดหอม+กรีนโอ๊คเรดโอ๊ค+ใบงาหรือใบกันหนีฟ เป็นใบคล้ายๆใบโอบะในร้านญีปุ่น แต่ของสไตล์เกาหลี พนักงานบอกว่า ให้เอาใบงา+ผักกาดหอม เป็นฐานแล้วเอาเนื้อย่างจุ่มซอส มาวางแล้วห่อกิน
3. พนักงานสอนวิธีการกินเนื้อย่างสไตล์เกาหลีแท้ๆ ให้ด้วย ไปกินร้านอื่นๆไม่เคยรู้เลยว่าต้องกินกันแบบนี้เราก็มั่วๆกันไปคือปิ้งเนื้อเสร็จก็จุ่มซอสเข้าปากเลย มาร้านนี้พนักงานทำให้ดูเป็นสเต็ปๆเลยว่า step1-2-3-4-5-6 วางอะไรก่อนหลัง ดีงาม
4. เปลี่ยนตะแกรงวางเนื้อย่างให้บ่อยมาก คือไฟมันแรง พอย่างๆไปสักพัก ตะแกรงเริ่มดำนิดๆ แป็ปเดียวก็มาเปลี่ยนตะแกรงให้ใหม่แล้ว (โดยไม่ต้องเรียกขอด้วยซ้ำไป) คร่าวนี้กินกันไปชั่วโมงกว่า เปลี่ยนตะแกรงไป 6 ครั้งได้มั่ง
เมนูอื่นๆที่สั่งมาเพิ่ม
- ซุปไก่ตุ๋นโสม 420 บาท
เป็นไก่ทั้งตัว (ตัวเล็กๆตามสไตล์นั้นแหละ ยัดพวกโสม-ข้าวเหนียว-พุทรา-เก๋ากี้ และเครื่องเทศต่างๆเข้าไปข้างในตัวไก่ แล้วตุ๋นไก่มาทั้งตัว เสิร์ฟมาในหม้อร้อนๆแบบสไตล์เกาหลี เนื้อไก่ตุ๋นมาจนนุ่มมาก กินง่าย รสชาติไม่จัดจ้านมากนัก ตามสไตล์ แต่เป็นเมนูที่กลมกล่อมมากทีเดียว
- ข้าวยำเกาหลีเนื้อสด (ยุคเคบีบิมบับ) 330 บาท
เมนูนี้เป็นของโปรดที่ชอบมากๆ ถ้าไปร้านไหนมีเมนูนี้ต้องสั่งมาลองทุกร้านไป สำหรับที่ร้าน Doorae มีเมนูข้าวยำบิบิมบับ ให้เลือก 4 แบบ ผมเลยขอสั่งแบบ ข้าวยำเนื้อสด คือในชามร้อนที่เสิร์ฟมาก็จะมีข้าว มีผักต่างๆมากมาย พร้อมเนื้อสด และไข่แดง ท็อปปิ้งอยู่ด้านบน ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะได้กินเนื้อสดๆหรอกนะ เพราะตามสไตล์ของข้าวยำเกาหลี ชามหินที่มาเสิร์ฟเขาจะทำให้ร้อนมากระดับนึง พอมาเสิร์ฟที่โต๊ะ พนักงานก็ราดซอสโคชูจัง (น้ำพริกเกาหลีสีแดงๆ) ลงไปพร้อมกับทำการคลุกเคล้าส่วนประกอบต่างๆภายในชาม ให้เคล้ากัน ได้เสียงซู้ซ่า พร้อมควันลอยออกมาขณะคลุกนิดๆ ฟีลลิ่งอยากกินมาเต็มเลย
- บูเดจิเก (ซุปหม้อไฟกิมจิใส่มาม่า แฮม ไส้กรอก วุ้นเส้น) 300 บาท
บูเดจิเก หรือซุปหม้อไฟเกาหลี เสิร์ฟมาเป็นหม้อขนาดใหญ่พอควร พร้อมผักหลายอย่าง เส้นรามยอง ไส้กรอก แฮม โบโลน่า หม้อไฟมากทีเดียว ทาน 3 คนก็อิ่มฟินๆเลยนะ
เมนูนี้ก็ตามสไตล์คือ ตั้งไฟให้เดือดแล้วคลุกเคล้าทุกอย่างมารวมกันแล้วตักใส่ชามตัวเองกิน
ป.ล เคยอ่านหนังสือ Korea Diary ของคุณสเลดทอย [สนพ.แซลมอน] เขาเขียนแซวว่าอาหารเกาหลี ส่วนใหญ่ตอนมาเสิร์ฟมักจัดแต่งสวยงาม แต่พอจะกินก็ต้องคลุกทุกอย่างตรงหน้า ให้มันเละเทะแล้วค่อยกิน ซึ้งดูเป็นวัฒนธรรมการกินที่ดูแปลกดี อ่าน Korea Diary แล้วก็เห็นด้วยมากๆกับเรื่องนี้ เพราะหลายเมนูที่เคยกิน มันก็จริงที่ว่าคนเกาหลีเขามักจะคลุกให้มันเละๆรวมผสมกันเป็นเนื้อเดียวกันก่อนแล้วค่อยกิน ทั้งข้าวยำเกาหลี บูเดจิเก ทัลคาลบี้ รวมไปถึงบิงซู ก็ยังต้องคลุกให้มันเละๆก่อนตักกิน
[Dessert]
หลังฟินอาหารหลักไปแล้ว เห็นป้ายสแตนดี้ของร้านมีบิงซูขายด้วย มีอยู่ 5 รสให้เลือก เลยลองสั่งมากิน 2 แบบคือ
- Bingsu Mango 129 Baht
เป็นบิงซูมาในถ้วยขนาดย่อมๆ ไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป ท็อปปิ้งด้วยมะม่วงสุก หั่นชิ้นใหญ่กำลังดี พร้อมน้ำมะม่วงข้นๆสีเหลืองอ่อนๆ(ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี) ใส่กาอลูมิเนียมดูดีมากๆมาให้เติมเองอีก1กา รสชาติ หวาน หอม มัน อร่อย สูสีกับบิงซูเจ้าดังๆได้เลย
- Bingsu GreenTea 129 Baht
เป็นบิงซูมาถ้วยขนาดเดียวกันกับบิงซูมะม่วง ท็อปปิ้งด้วยผงชาเขียวมัทฉะ ถั่วแดงบด และอินจอลมี (แป้งข้าวเหนียวทรงเต๋าคลุกด้วยผงถั่ว) พร้อมป็อกกี้ชาเขียวอีก2แท่ง มาพร้อมกาใส่นมข้นหวานอีก 1 กา
เมนูนี้ก็อร่อยดี แต่เสียดายที่ชาเขียวมัทฉะมันน้อยไปหน่อย กินแล้วไม่ค่อยได้รสชาเขียวเท่าไรนัก แต่ความนุ่มหนึบของอินจอลมี ราดด้วยนมข้นหวานก็พอกล้อมแกล้มได้อยู่
หลังอิ่มฟินกันไปแล้ว ได้คุยกับทางผู้จัดการร้านดูเร คุยโน้นนี้ไปหลายอย่าง เพิ่งได้รับรู้ว่า เวลามีศิลปินดังๆพวก K-POP จากประเทศเกาหลีมาทัวร์คอนเสิร์ตในไทย ที่ Impact Arena เมืองทองธานี , ทีมงานชาวเกาหลีเขาจะสั่งอาหารของที่ร้านดูเร นี้ไปกินกันหลายมื้อเลยนะ เป็นเสบียงอาหารให้ทั้งทีมงานและศิลปินระหว่างมาซ้อมและเตรียมงานก่อนจัดคอนเสิร์ต (อาจเป็นเพราะร้านนี้ อยู่ใกล้ๆอิมแพคด้วยมั่ง และอีกประเด็นนึงคือ รสชาติอาหารมันคงเป็นรสที่แบบคนเกาหลีกินกันจริงๆแบบออริจินัลที่เขาคุ้นเคย) ผจก.บอกว่า อย่างวง GOT7 , Super Junior นี้คือเวลามีทัวร์คอนเสิร์ตในไทย จะต้องมาสั่งอาหารที่ดูเรให้ไปส่งที่อิมแพคประจำ และมีแบบว่า หลังจบคอน ทีมงานพาศิลปินทั้งวง มาขอปิดร้านแบบไพรเวท กินฉลองกันหลังจบคอนก็มี ผู้จัดการก็บอกว่าเขาต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ระดับต้องปิดม่านทั้งหมดไม่ให้คนนอกเห็น และไม่ให้ลูกค้าคนอื่นเข้าร้านเลยนะ (เรียกว่าปิดร้านเหมาเลย) แฟนคลับก็ยืนรออยู่รอบนอกร้าน หวังได้ถ่ายรูปจังหวะเดินมา-เดินกลับ นั้้นแหละ
แต่เราฟัง แล้วก็รู้สึกว่า แปลว่ารสชาติอาหารร้านนี้มันคงเป็นแบบต้นตำรับจริงๆนั้นแหละ ศิลปินยังชอบเลย // ตอนนี้ส่วนตัว ผมติ๊กให้เป็นร้านเกาหลี Top5 ในดวงใจไปเรียบร้อยละ คร่าวหน้าแวะไปแถวเมืองทอง จะไปลองเมนูอื่นๆอีก
แวะมาเทอมิน่อลอีกรอบวันนี้ค่ะ เหนื่อยเลยหาร้านกาแฟนั่งหน่อย
คราวก่อนมาที่ร้านเดสเซอรี่นี้ไม่ได้ลองเค้ก วันนี้เลยขอลองหน่อย
สั่ง german chocolate เค้กมาลองค่ะ ส่วนตัวคิดว่ามันหวานเกินไปหน่อยนะคะ ข้างในมีใส้คาราเมลด้วยค่ะ
ยังไม่ค่อยประทับใจแฮะ
ร้านสาขานี้กว้างขวางดีค่ะโล่งสบาย แถมมีปลั๊กไฟให้ด้วยในบางโต๊ะ แต่ราคากาแฟนี่พอๆกะStarbuckเลยนะคะ แอบกระเทือนกระเป๋าเล็กน้อย
มีโอกาสได้ไปในวันเปิดสาขาวันแรก เลยจะทดลองสักหน่อยว่ารสชาติดีเหมือนสาขารัตนาธิเบศร์ที่เคยรีวิวไว้ไหม ^^ (ดูรีวิวเก่าได้ที่ http://www.kinnshare.com/th/restaurants/3776/santa-fe-steak-central-rattanathibet/commentNo:1#comment1)
ตอนที่ผมไปเป็นช่วงเย็นแต่คนยังไม่เยอะเท่าไหร่นักเพราะเปิดบริการเป็นวันแรกและคาดว่าคนยังไม่รู้ เข้าไปถึงก็เลือกสั่งเมนูโปรโมชั่นที่ทางร้านจัดไว้สำหรับGrand Opening จนถึงสิ้นเดือนมิ.ย.
ได้แก่ Pork Chop, Mixed Grill D, แซลมอนย่างเตาถ่าน และ สปาเกตตี้เบคอนและเห็ด
Pork Chop ผมว่าทำได้ดีเหมือนเดิมครับสำหรับราคาแบบนี้ ความหนาของเนื้อไม่ถึงกับขี้เหร่ รสชาติดี หมักเข้าเนื้อ ชิ้นไม่ใหญ่ไปไม่เล็กเกินไป จานนี้โอเคเลยครับได้มาตรฐานเหมือนที่เคยกินที่สาขาอื่น
สำหรับสปาเกตตี้เบคอนและเห็ด น้ำซอสสาขานี้รสอ่อนไปหน่อย ซอสไม่แฉะจนเกินไป มีความเค็ม หอม มันในแบบที่ไม่เลี่ยนเท่าไหร่ มีความสมดุลของรสชาติที่ดี เนื้อเบคอนและเห็ดไม่มากไม่น้อยเกินไป จานนี้ใช้ได้ครับ
จานต่อมาคือ Mixed Grill D ซึ่งผมไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมถึงใช้ชื่อนี้ เพราะมันมีแต่ของทอด80% มีแค่ไส้กรอกเท่านั้นที่ย่าง -*- ในจานนี้จะประกอบไปด้วยปลา, กุ้ง และ ไส้กรอกหมู ซึ่งรสชาติก็โอเคครับ ทานได้เพลินๆ ปลาชิ้นใหญ่ใช้ได้ ทอดได้ไม่เลี่ยนเกินไป สำหรับเครื่องเคียงจานนี้จะพิเศษตรงที่มีขนมปังชีสมาให้ แต่ผมว่ารสชาติไม่เวิร์คเลยครับ
สำหรับจานสุดท้ายได้แก่แซลมอนย่างถ่าน แซลม่อนชื้นใหญ่ใช้ได้ครับ แน่น และรสชาติโอเค ย่างออกมาเกรียมกำลังดี สีสันสวยงาม แต่ผมว่ากลิ่นหอมของการย่างน้อยไปหน่อยคับ โดยรวมแล้วถือว่าโอเคครับ ส่วนเครื่องเคียงที่ให้มากับจานนี้เป็นพาสต้าผักโขมใส่แฮมชื้นเล็กๆ ซึ่งผมว่ารสชาติไม่ชัดเจนคับออกจะเลี่ยนด้วยซ้ำ รสสัมผัสไม่โอเคครับทานแล้วสากๆลิ้น กลิ่นและรสชาติของแฮมแทบไม่ออกมาเลย
สรุปโดยรวมโอเค แต่จะมีเรื่องรสชาติอาหารที่dropลงไปในบางส่วน และบริการอาจจะช้าไปสักเล็กน้อย แต่ก็เป็นปกติสำหรับร้านเปิดใหม่ครับ ส่วนพื้นที่ของสาขานี้ค่อนข้างกว้าง ร้านโปร่งนั่งสบาย เหมาะแก่การมานั่งทานครับ