แถวไหน
อยากกิน/หาร้าน


คอมเม้นต์รีวิวทั้งหมด

คอมเม้นต์ทั้งหมดจากทุกร้าน มารวมกันที่นี่

ค้นหาคอมเม้นต์ที่คุณต้องการ

หรือ
คอมเม้นต์ทั้งหมด(309)
Showing 21-40 from 309 total

คอมเม้นต์ที่ 1
(20 ธ.ค. 2016 ตอน 02:58 น)
ร้านบุฟเฟ่ต์เกาหลีสไตล์แท้ๆ สุดคุ้มค่า อร่อยจริงไรจริง "DooRae" @ ชั้น 2 BeeHive เมืองทองธานี
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

ร้านอาหารเกาหลีที่มีให้บริการครบครันทั้งปิ้งย่างและอาหารจานเดียวสไตล์เกาหลีแท้ๆออริจินัลกันเลยร้านนี้
ร้าน Doorae ตั้งอยู่ที่คอมมูนิตี้มอลล์ BeeHive ที่เมืองทองธานีครับ มีที่จอดรถสะดวกสบาย หรือท่านใดมาเดินงานที่อิมแพค เดินเที่ยวเสร็จแล้วมาทานอาหารต่อที่นี่เลยก็ใกล้ๆครับไม่ต้องทนหิวจาการรถติดในเมืองแน่ๆเพราะร้าน Doorae เป็นร้านอาหารเกาหลีแท้ๆ ที่รองรับศิลปินเกาหลีที่เดินทางมาเล่นคอนเสิร์ตที่เมืองไทยครับ นอกจากจะทำอาหารส่งให้แล้ว บางทีศิลปินก็มาทานถึงที่ร้านเลยครับ
ดังนั้นหายห่วงเรื่องคุณภาพ บริการที่ดี รวมถึงรสชาติได้เลยเป็นที่แนะนำขนาดนี้
ครั้งนี้ผมทานบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่าง และสั่งอาหารจานเดียวเพิ่มอีกนิดหน่อยครับ ซึ่งในส่วนของบุฟเฟ่ต์นั้น มีราคาอยู่ที่ 349 บาท ซึ่งเป็นราคาเน็ท ไม่มีบวกเพิ่มใดๆทั้งสิ้นครับ
ในราคานี้ จะทานหมู ไก่ และเครื่องเคียงสไตล์เกาหลีได้ไม่อั้น แต่ไม่รวมเนื้อวัวครับ ถ้าจะทานเนื้อวัวต้องสั่งแยกเป็นจานๆครับ หรือถ้าท่านใดคิดว่าทานบุฟเฟ่ต์ไม่คุ้ม จะสั่งเป็นอะลาคาร์ท ทางร้านก็มีให้บริการครับ
สำหรับเมนูปิ้งย่างผมสั่งมาหลายจาน ที่เด็ดๆขอแนะนำเลยคือ เซ็งคาลบี้หรือซี่โครงเนื้อย่าง เป็นเมนูอะลาคาร์ทนะครับ จะเป็นเนื้อแผ่นยาวๆติดส่วนซี่โครง โรยเกลือมาด้วยเพื่อเพิ่มรสชาติ ตัวนี้สุกแล้วทานเปล่าๆก็อร่อย
หรือจะทานแบบเกาหลี โดยเอาเนื้อหาอด้วยผักแล้วทาน ก็ฟินไปอีกแบบครับ อีกจานที่ขอแนะนำคือ ซุปพุนบูลโกกิหรือเนื้อสไลด์บางหมักซอส เป็นจานอะลาคาร์ทครับ
เนื้อสไลด์หมักด้วยซอสผลไม้สูตรพิเศษ ตัวนี้ย่างออกมาแล้วรสชาติหวานหอม ไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มก็อร่อยครับ และจานที่ห้ามพลาดคือเทจีคาลบี้หรือซี่โครงหมูหมักซอส ตัวนี้จะหมักมากับซอสพริกแบบเกาหลี
รสชาติเผ็ดนิดๆ อร่อยมากครับ
นอกจากเมนูปิ้งย่างแล้ว ผมก็สั่งเมนูแนะนำของทางร้านมาลองด้วย แน่นอนว่ามาทานอาหารเกาหลีก็ต้องมีโสม เลยสั่ง ซัมเกทังหรือซุปไก่ตุ๋นโสมครับ หม้อนี้ 420 บาท
อาจจะดูแพง แต่หม้อนี้เป็นไก่ทั้งตัวยัดไส้ด้วยโสม ข้าวเหนียว พุทรา เกาลัด และเก๋ากี้ นำไปตุ๋นในน้ำซุป ซึ่งซุปนี้มีให้เลือกสองแบบนะครับ คือซุปเนื้อกับซุปปลา
ท่านใดไม่ทานเนื้อก็รีเควสซุปปลาได้เลย เสิร์ฟในหม้อร้อนสไตล์เกาหลี ตัวนี้ทานแล้วชุ่มชื่น ไก่ตุ๋นมากำลังดีเอาตะเกียบคีบเนื้อก็หลุดออกจากกระดูกง่ายดายครับ ข้าวเหนียวที่ยัดไส้มาก็หอมอร่อย
หม้อนี้แนะนำให้สั่งเลยครับ และที่ห้ามพลาดอีกคือ ยุคเคบีบิมบับหรือข้าวยำเนื้อสด 330บาท ข้าวยำสไตล์เกาหลีประกอบด้วยผักนานาชนิด
ทั้ง ซุคินี่ ถั่วงอกหัวโต หัวไชเท้า ปวยเล้ง สายบัว แครอท มะละกอ ท็อปปิ้งด้วยเนื้อสดและไข่แดง เสิร์ฟมาแบบร้อนๆ ใส่โคชูจัง คลุกให้เข้ากันแล้วทานตอนร้อนๆอร่อยมากครับ
นอกจากอาหารคาวแล้วก็ยังมีของหวานเป็นบิงซูด้วยครับ ขอแนะนำ บิงซูมะม่วง ที่เสิร์ฟมาพร้อมเนื้อมะม่วงสุกหอมและซอสมะม่วงเพิ่มความอร่อย และบิงซูชาเขียวถั่วแดงรสชาติเข้มข้นครับ
ใครพลาดร้านนี้ไปนี่ต้องคิดใหม่อีกทีเลยครับไม่เชื่อต้องไปลองครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/bux140


ร้านนี้ตั้งอยู่ที่คอมมูนิตี้มอลล์ BeeHive เมืองทองธานีครับ ไม่ไกลจาก Arena เลย ขึ้นมาชั้นสองเจอร้านใหญ่ๆนั่นไม่ผิดแน่นอน ร้านอยู่ชั้นสองฝั่งริมห้างครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

บุฟเฟ่ต์จะมีราคาอยู่ที่349net ทาน หมูไก่ และเครื่องเคียงได้ไม่อั้นไม่รวมเนื้อวัว ถ้าจะทานเนื้อวัวต้องสั่งแยกเป็นจานๆเท่านั้น หรือทานใดไม่ทานบุฟเฟ่ต์ ก็ทานเป็นอะลาคาร์ท สั่งได้ทั้งหมู เนื้อและไก่ครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

เครื่องเขียงเกาหลีแท้ๆ มาเสิร์ฟ น่าทาน หลายๆ อย่างอร่อยมากครับ ติดใจ เติมได้อีกไม่อั้น คุ้มจริงๆ
เป็นรูป: อาหาร

เซ็งดึงชิม • หรือเนื้อสันนอกย่างครับ จานนี้สั่งแยกมาเช่นกัน 550 บาท มาชิ้นเบิ้มเต็มเตาเลยครับ
เป็นรูป: อาหาร

บิงซูของหวานที่นี่ก็แจ่มมากๆครับ อิ่มหำใจครบถ้วน แน่นท้องสบายใจกันไปเลยครับ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

BTS-เอกมัย
คอมเม้นต์ที่ 2
(24 พ.ย. 2016 ตอน 23:42 น)

Nikko Cafe นั้นเป็นคาเฟ่สไตล์นั่งชิลสบายๆในซอยเอกมัย12 มีให้บริการครบครันทั้งอาหารคาวหวานและเครื่องดื่มนะครับ วันนี้เลยขอจัดเมนูแนะนำมาหลายเมนูเลย

เนื่องจากได้ดูรายการ The Dish เมนูทอง เทปที่ทางร้านได้ไปออกรายการ เลยขอสั่งจานนี้มาลิ้มลอง "หมูสามวัน" ซี่โครงหมูที่หมักกับซอสสูตรพิเศษถึงสามวันเพื่อความนุ่ม นำไปย่างจนสุกหอม ทานคู่กับซัลซ่าสลัด จานนี้ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดนะครับ เพราะทานง่ายมากๆ เอามีดกดนิดเดียว เนื้อก็หลุดออกจากกระดูกแล้ว แถมรสชาติก็เข้มข้น ชุ่มฉ่ำน้ำเนื้อ จานนี้ประทับใจมากๆครับ

และที่ห้ามพลาดอีกก็ได้แก่ "ชิคเก้นนัมบันทาทาร์ซอส" หรือแซนวิชไก่ทอดสไตล์ญี่ปุ่น ที่นำขนมปังแผ่นไปกริลล์จนหอมเนย แล้ววางด้วยไก่ทอดชิ้นโตกรอบนอกนุ่มใน ทานกับทาทาร์ซอสครับ

"ข้าวทาโก้" อาหารเม็กซิกันแบบฟิวชั่นด้วยการนำข้าวสวยมาใช้แทนแผ่นแป้งทาโก้ โดยชั้นล่างสุดเป็นข้าวญี่ปุ่นนุ่มลิ้น ตามด้วยหมูผัดเครื่องเทศสไตล์เม็กซิกัน ต่อด้วยมอสซาเรลล่าชีสมาแบบพูนๆ ตบท้ายชั้นบนสุดด้วยมะเขือเทศสดหั่นเต๋า วิธีการทาน จะตักทานไปเรื่อยๆ หรือคลุกให้เข้ากันแล้วทานก็ตามใจชอบเลยครับ มีมะนาวหั่นซีกมาด้วยเผื่อใครชอบความจัดจ้านครับ

หรือเมนูเพื่อสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิงก็มีนะครับ "สลัดไก่เทริยากิ" ผักสดกรอบราดด้วยน้ำสลัดงาแบบญี่ปุ่นเข้ากับความกลมกล่อมเนื้อไก่เทริยากิได้เป็นอย่างดีครับ

นอกจากเมนูอาหารคาว ก็ขอแนะนำของหวานอร่อยๆด้วย "เบลเยี่ยมช็อกโกแลตไส้ราสเบอรี่"ทำคล้ายๆกับช็อกโกแลตลาวา แต่เปลี่ยนไส้ลาวาข้างในเป็นราสเบอรี่แทน ความเปรี้ยวหวานของราสเบอรี่ตัดกับความขมของช็อกโกแลตได้ดีมากๆ ตัวไอศกรีมที่เสิร์ฟมาก็สามารถเปลี่ยนรสชาติได้นะครับ

หรืออีกเมนู "เฟร้นช์โทสกับไอศกรีม" ที่นำขนมปังชุบไข่ไปกริลล์จนหอมกรุ่น จัดตกแต่งพร้อมไอศกรีมและสตรอเบอรี่ ราดน้ำเชื่อมเมเปิ้ลแล้วทาน ฟินมากๆครับจานนี้

สำหรับเครื่องดื่ม ที่นี่ก็มีให้บริการทั้งชา กาแฟ และน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพครับ

ที่สั่งมาลองก็ได้แก่ "Cold Brew Sencha" ที่ได้จากการนำใบชามาสกัดเย็น ทานกับเลม่อน ตัวชาเองจะออกรสฝาด เข้ากันความสดชื่นของเลม่อนได้เป็นอย่างดีครับ
หรือถ้าเป็นคอช็อกโกแบต ขอแนะนำ "The Chocolate Frappe" ที่นำน้ำช็อกโกแลตเข้มข้นปั่นพร้อมกับช็อกโกแลตชิพ ท็อปปิ้งด้วยวิปครีมนุ่มฟู เข้มข้นมากๆครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
goo.gl/VwxdD7
ขอบคุณครับ


"NIKKO CAFE" ร้านเด็ดที่มาแอบซ่อนตัวอยู่ในซอยเอกมัย 12 นี้ ถ้ามาจากเส้นสุขุมวิท ก็วิ่งเข้าซอยสุขุมวิท63 ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตุขวามือเจอซอยเอกมัย12 ก็เลี้ยวเข้ามา ขับตรงมาอีกประมาณ 400 เมตร ร้าน Nikko Cafe จะอยู่ด้านขวามือ
เป็นรูป: บรรยากาศ

ป้ายเกียรติยศของรายการ The Dish เมนูทอง กับเมนู หมูสามวัน (3 Days Ago Ribs) พลาดไม่ได้แน่นอนเมนูนี้!
เป็นรูป: บรรยากาศ

นอกจากที่นั่งชั้น 1 แล้วก็มีข้างบนให้ชิลล์ๆกันอีกครับ โซนห้องนี้มีลูกค้าใช้บริการเยอะมากครับ เป็นคาเฟ่ที่นั่งนั่งชิลล์ปั่นงาน คุยงานมากๆ เลย
เป็นรูป: อาหาร

[Belgian Chocolate Raspberry Lava]ปกติทางร้านจะเสิร์ฟเป็นไอติมวานิลลา แต่ก็สามารถเปลี่ยนรสชาติได้นะครับ เลยเลือกเป็นช็อกโกแลตมา เบลเยี่ยมช็อกโกแลตไส้ราสเบอรี่ รสชาติเข้มข้นของช็อกโกแลตเข้ากันได้ดีกับความเปรี้ยวของซอสราสเบอรี่ อร่อยมากๆ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

BTS-เอกมัย
คอมเม้นต์ที่ 1
(13 พ.ย. 2016 ตอน 16:07 น)
Nikko Cafe คาเฟ่ชิลล์ๆ นั่งฟินๆ ในวันสบายๆ
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

วันนี้ขอมารีวิวร้านคาเฟ่น่ารักๆ สไตล์มินิมอล เจแปนนีส ร้าน Nikko Cafe (นิกโกะ คาเฟ่) อยู่ที่ซอยเอกมัย12

พิกัดของร้านนิกโกะ คาเฟ่ เอกมัย
ร้านจะอยู่ในซอยเอกมัย12 ถ้ามาจากเส้นสุขุมวิท ก็วิ่งเข้าซอยสุขุมวิท63 ตรงมาเรื่อยๆ สังเกตุขวามือเจอซอยเอกมัย12 ก็เลี้ยวเข้ามา ขับตรงมาอีกประมาณ 300 เมตร ร้าน Nikko Cafe จะอยู่ด้านขวามือ เป็นร้าน2ชั้น
ตอนนี้ถนนหน้าร้านขยายมากขึ้นเป็น 3-4 เลนแล้วด้วย เมื่อก่อนถนนจะแค่2เลนเท่านั้น ร้านนิกโกะก็ปิดร้านไปรีโนเวทใหม่ พร้อมๆกับถนนหน้าร้านไปพร้อมกัน
ถ้าขับรถมาที่ร้านก็สามารถจอดรถหน้าร้านได้เลย บริเวณหน้าร้านจอดได้ 6-7คัน แต่ถ้าโซนหน้าร้านเต็ม ก็สามารถไปจอดริมถนนถัดจากร้านได้ มีพื้นที่ว่างเยอะเลยจอดได้อีก8-9คันสบายๆ

[Decor]
สไตล์การตกแต่งของร้านนิกโกะ คาเฟ่ จะเป็นแบบ Minimalist Japanese Style คือเรียบง่าย แต่ดูดีในสไตล์ญี่ปุ่น เน้นเฟอร์นิเจอร์เป็นไม้สีโอ๊คธรรมชาติ ให้Mood&Tone ดูอบอุ่น นั่งชิลล์ รอบๆร้านมีต้นไม้เยอะ ภายในร้านก็มีสวนต้นไม้ขนาดย่อมๆอยู่ เลยทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากๆ มีโซน Outdoor เป็นโต๊ะเก้าอี้หวายท่ามกลางต้นไม้เขียวๆ น่านั่งดี // มีห้องกระจกเล็กๆมีโต๊ะอยู่ 2-3 ตัวมุมนี้ก็มานั่งเมาส์มอยกับเพื่อนได้เช่นกัน แต่ถ้าอยากได้ความสงบหน่อยมีโซนชั้น2ของร้าน จะมีห้องแอร์ไว้นั่งทำงาน อ่านหนังสือ พร้อมจิบกาแฟได้ / และก็มีโซน Outdoor ชั้น2 เป็นโซฟาหนังพร้อมหมอนใบใหญ่ บรรยากาศดูโล่งสบาย พร้อมทิวทัศน์รอบข้าง
เนื่องจากตัวร้านมีหลายโซนให้เลือกนั่งได้ ทำให้เหมาะสำหรับคนที่จะมาที่นั่งทำงาน, มานั่งคุยกับเพื่อน ,มานั่งอ่านหนังสือ, หรือถ้าค่ำๆหน่อยก็มานั่งแฮงค์เอ้าท์กันได้ยาวๆ


[Food]
มาเข้าเรื่องอาหารกัน ร้านนี้ตอนแรกเปิดเป็นร้านกาแฟมาก่อน จึงมีเครื่องดื่มประเภทกาแฟและชา ครบครัน และตอนนี้มีอาหารจานเดียวเพิ่มขึ้นมาหลากหลายชนิดทีเดียว เช่นสปาเก็ตตี้ สลัด ข้าวหน้าญี่ปุ่นแบบต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารจานเดียวแบบทานง่ายๆในราคาไม่แพงนัก
วันนี้กรุ๊ปเราก็ทะยอยสั่งของกินมาลองทานกันหลายๆแบบ ดังนี้

- Chicken Nanban Tartar Sauce (Open Sandwich) 170 บาท
ร้านเรียกว่าโอเพ่นแซนวิช ดูจากหน้าตาที่เสิร์ฟมาเลยขอเดาว่าเป็นแซนวิช ที่มีขนมปังมาด้านเดียว (ไม่ได้ประกอบ2ด้านเหมือนแซนวิชทั่วๆไป) โดยมีไก่ทอดชิ้นโตอยู่ข้างบน พร้อมราดทาร์ทาร์ซอสมาด้วย มีผักสลัดพวกกรีนโอ๊ค เรคโอ๊ค และฟิลเล่ย์พร้อมราดน้ำสลัดงาคั่วแบบญี่ปุ่น
ใช้มีดหั่นๆ ทานกินคู่กันทั้งเนื้อไก่+ขนมปัง แกล้มด้วยผักสลัด รสชาติเข้ากันดีทีเดียว จานนี้มาทานเป็น Breakfast ยังได้เลย

- 3 Days ago Ribs (หมู3วัน) 175 บาท
เมนูชื่อแปลกนี้ ได้การันตีจากรายการ The Dish เมนูทอง ช่องเวิร์คพ้อยท์มาด้วย เป็นซี่โครงหมูที่หมักนานถึง3วัน ก่อนนำมาอบเสิร์ฟให้ลูกค้า ทำให้เนื้อหมูนุ่มมาก แค่ปาดมีดลงไปเบาๆ เนื้อหมูก็ร่อนออกจากกระดูกซี่โครงแล้ว สมคำล่ำลือจากทางรายการ
เสิร์ฟมาพร้อมผักสลัดกรีนโอ๊คและใบฟิลเล่ย์เช่นเคย พร้อมมะเขือเทศซัลซ่า เมนูนี้อร่อยแย่งกันทาน แป็ปเดียวหมด จนต้องสั่งกลับบ้านอีก 2 ชุด [จานนี้แนะนำคับต้องมาลองกัน]

- Spaghetti Pesto Bacon 200 บาท
ต่อกันด้วยสปาเก็ตตี้เพสโต้เบคอน เส้นสปาเก็ตตี้ลวกมาสุกแบบอัลเดนเต้ มีความหนึบๆกรุบๆอยูด้านในนิดๆ คลุกเคล้ากับซอสโหระพา และมีเบคอนชิ้นใหญ่ๆ ให้มาเยอะพอสมควร ตัวซอสเพสโต้ทำออกมาได้ค่อนข้างดี หอมกลิ่นโหระพาและน้ำมันมะกอกกำลังดี

- Teriyaki Chicken Salad 180 บาท
สลัดผักพร้อมไก่ย่างเทริยากิ ขอบอกเลยว่า ไก่นุ่มมากๆ แถมชิ้นใหญ่อีกด้วย ตัวซอสเทริยากิเข้าถึงเนื้อในกำลังดี กินพร้อมกับผักสลัดหลากหลายชนิดทั้งกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค ฟิลเล่ย์ มะเขือเทศราชินี ผักกาดแก้ว ราดมาด้วยน้ำสลัดงาซีอิ๊วญี่ปุ่นออกรสเปรี้ยวๆ ตัดรสชาติของไก่ย่างได้ดีทีเดียว จานนี้แนะนำเลยต้องมาโดนกัน

- Taco Rice 200 บาท
เห็นชื่อแปลกๆ ลองสั่งมาทานดู ออกแนวฟิวชั้นอาหารแม็กซิกันผสมญี่ปุ่น คือชั้นล่างสุดเป็นข้าวแบบญี่ปุ่น ถัดขึ้นมาเป็นหมูปรุงรสกับเครื่องเทศสไตล์แม็กซิกัน ถัดมาอีกชั้นเป็นชีสขูด ด้านบนสุดเป็นมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นๆ เวลาทานจะตักลงไปให้ได้ส่วนประกอบมาทั้ง 4 อยู่ผสมกันเลยก็ได้ หรืออยากจะคลุกเคล้ากันแล้วค่อยทาน ก็ตามแต่ความชอบ ส่วนตัวว่าแปลกดีเมนูนี้ แต่ถ้ามาสั่งเมนูนี้จานเดียว จะออกติดรสเลี่ยนไปหน่อย...อยากแนะนำทางร้านให้เพิ่มผักบางตัวหรือวัตถุดิบบางอย่างที่ตัดรสชาติมาช่วยเติมในเมนูนี้หน่อย...น่าจะดีขึ้น..... ลืมบอกไปจานนี้เสิร์มาพร้อมกับน้ำซุปมิโสะ ด้วยอีก 1 ถ้วย ซุปมิโสะสูตรของร้านนี้แปลกกว่าทั่วๆไปคือใส่เผือก หั่นเป็นเต๋าลูกเล็กๆใส่ลงมาด้วย

[Drinks]
เครื่องดื่มเราก็สั่งมาลองกันหลายแก้ว ส่วนตัวคิดว่าที่นี้มีซิกเนเจอร์เจ๋งๆที่เป็นเครื่องดื่มหลายตัวเลย ทำออกมาได้มีเอกลักษณ์ของร้านมากๆ
- Iced Caramel Macchiato 125 บาท
แก้วแรกเป็นกาแฟคาราเมล มัคคิเอโต้ รสชาติกาแฟเข้มข้นกำลังดี

- Apple Mint Soda 100 บาท
แก้วนี้น้องสั่งมา ผมไม่ได้ชิม แต่ตกแต่งสวยงาม มีชิ้นแอปเปิ้ลฝ่านใส่มาด้วย น่าจะสร้างความสดชื่นได้ดีทีเดียว

- Cold Brew Sencha 125 บาท
เป็นชาเซนชะแบบสกัดเย็น ตัวแนะนำของทางร้านที่โชร์อยู่ในตู้กระจกตรงเคาเตอร์ ลองสั่งมาชิมดู เสิร์มาแบบเก๋ไก๋ดูดีทีเดียว มาพร้อมแก้วน้ำแข็งที่ใส่เลมอนฝ่านมาให้ รินชาลงแก้ว เวลาดื่มได้รสชาติชาเซนชะพร้อมหอมกลิ่นเลมอน สร้างความสดชื่นได้มากทีเดียว
ในตระกูล Cold Brew ยังมีให้เลือกเป็น Black Coffee และ Milk Coffee ไว้วันหลังค่อยไปลองตัวอื่นๆอีกที

- Passionfruit Tea 150 บาท
เป็นชาที่ทำจากเสาวรส เสิร์ฟใส่แก้วทรงกลมๆเตี้ยๆหน่อย พร้อมฝ่านผลเสาวรสที่มียังมีเนื้อและเมล็ดติดมาด้วยส่วนนึง เสียดายแก้วนี้ผมไม่ได้ชิม

ต่อกันที่หมวด [Nikko Signature] ของร้านเป็นตระกูลที่ผมว่า ต้องสั่งเลยถ้ามาที่ร้านนี้
- The Chocolate (Frappe) 160 บาท
คือหมวดนิกโกะ ซิกเนเจอร์ของร้าน เขาจะตั้งชื่อเป็น The Chocolate , The Coffee อะไรแบบนี้ แต่เราสามารถเลือกได้ว่าจะสั่งแบบ Hot , Cold , Frappe อย่างแก้วแรกนี้สั่ง The Chocolate Frappe ก็มาเป็นโกโก้ปั่น ราดซอสช็อคโกแลตไว้ที่ฐานแก้ว แล้วเพิ่มวิปครีม ท็อปด้วยช็อคชิพอีกเล็กน้อย แก้วนี้คนรักช็อคโกแล็คห้ามพลาดที่เดียว รสชาติดี ดูดไปเคี้ยวไปด้วย

- The Coffee (Hot) 130 บาท
นิกโกะซิกเนเจอร์ ตัวที่เป็นกาแฟ น้องสั่งมาเป็นแบบร้อน เสิร์ฟมาพร้อมมาร์ชเมลโล่ด้วย (ส่วนตัวชอบวิธีการพรีเซนเตชั่นและการจัดวาง) ของทางร้านมากๆ เลือกภาชนะและวิธีการเสิร์ฟมาแบบที่เรียกว่าเป็นใคร ก็ต้องยกมือถือมาถ่าย Snap ภาพไว้ก่อนกินแน่ๆละ

- The Matcha (Cube) 165 บาท
แก้วสุดท้ายในตระกูลนิกโกะซิกเนเจอร์ที่สั่งมา ขอลองแบบชาเขียวบ้าง เป็นอีกแก้วที่มีกิมมิคในการทานเช่นกัน คือเป็นมัทฉะที่เอาไปทำเป็นน้ำแข็งก้อนๆ แล้วก่อนทานเราก็เทราดด้วยชาเขียวนม ปล่อยให้ละลายสักนิดแล้วค่อยทาน
ตัวก้อนๆมันมีหลายๆสี ผมไม่แน่ใจว่าสีก้อนออกส้มๆและเขียวอ่อนคืออะไร แต่ผมได้ลองกินก้อนสีเขียวเข้มไป มันคือมัทฉะเข้มข้นมากๆ เป็นอีกแก้วที่ชอบกิมมิคในการนำเสนอของร้านนี้

[Desserts]
มาต่อที่หมวดขนมหวานกันบ้าง วันนี้สั่งมาลอง 3 เมนูคือ
- Belgian Chocolate Raspberry Lava 200 บาท
ช็อคโกแลตลาวา ที่มีไส้ในเป็นซอสราสเบอร์รี่ เสิร์ฟมาพร้อมไอติมอีก1สกู๊ปและวิปครีม ปกติไอติมที่เสิร์ฟมาจะเป็นวนิลลาแต่เราก็สามารถสั่งเปลี่ยนรสชาติเป็นอย่างอื่นได้นะ อร่อยกำลังดี เสียดายนิดที่ว่าซอสราสเบอร์รี่ภายในมันหนืดไปหน่อย เลยไม่ไหลเยิ้มออกมาให้เห็น

- French Toast with Ice Cream 180 บาท
หน้าตาดูดีมาก เป็นขนมปังชุปไข่นำไปปิ้งบนกระทะ หั่นออกมาเป็นแท่งๆ จัดเรียงมาแบบในรูป มีไอศกรีมคุกกี้แอนด์ครีมใส่ไว้ตรงกลาง พร้อมสตรอเบอร์รี่สดหั่นจัดวางให้สีตัดกันเล็กน้อย โรยด้วยไอซ์ซิ่งให้ฟิลลิ่งเหมือนหิมะ เสิร์ฟพร้อม Maple Syrup ให้เรามาราดเองก่อนทาน จานนี้ขนาดอิ่มๆกันแล้ว ยังหมดเกลี้ยงภายในพริบตา

- Melon Katsuo (เมล่อน ปลาแห้งคัตซึโอะ) 135 บาท
เมนูนี้ผมเคยเห็นครั้งแรกที่ร้านโคโรฟิลด์ ราชบุรี แต่ของร้านนิกโกะจะไม่เหมือนกันซะทีเดียว ของที่นี้จะหั่นเมล่อนออกมาเป็นชิ้นๆ ใส่ถ้วยมาแล้วมีปลาแห้งคัตซึโอะ (แบบที่โรยหน้าโอโคโนมิยากินั้นแหละ) โรยมาด้วย ส่วนตัวเป็นคนชอบกินไอ้เจ้าปลาแห้งคัตซึโอะอยู่แล้ว มาเจอเมนูนี้ต้องลองเลย โดยทางร้านมีนมข้นหวานใส่กาเล็กๆ มาให้ราดด้วย หากชอบหวานหน่อยก็ราดได้ แต่จริงๆผมชอบกินแบบเมล่อน+ปลาคัตซึโอะแค่นี้ก็ฟินแล้ว
ดูเป็นเมนูที่ไม่น่าจะเข้ากันได้เลยเนอะ มันคือผลไม้กะของคาวที่เป็นปลาแห้ง แต่พอมาจับคู่รวมกันแล้ว กลายเป็นรสชาติที่อร่อยมาก เวลากินจะได้สัมผัสชุ่มฉ่ำตอนเคี้ยวเมล่อนและได้รสเค็มนิดๆจากปลาคัตซึโอะ



เป็นรูป: บรรยากาศ

หมู3วัน
เป็นรูป: อาหาร

เป็นรูป: อาหาร

เป็นรูป: อาหาร

เป็นรูป: อาหาร

เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(8 ต.ค. 2016 ตอน 16:46 น)
ร้านอาหาร สัตหีบ คุ้มมาก อาหารอร่อย พลูเฮ้าส์ Plu House
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

ไปเที่ยวโซนสัตหีบ พัทยา เมื่อเดือนที่แล้ว ขอแวะมารีวิวร้านอาหารบรรยากาศดี ที่ไปกินกันมาที่สัตหีบนะคับ ร้านที่เราไปกินกันมาชื่อร้านพลูเฮ้าส์ Plu House Restaurant & Cafe อยู่ในซอยสนามกอล์ฟพลูตาหลวง (หรือซอยอ่างเก็บน้ำภูติอนันต์)

[Location] พิกัดร้าน
จากตัวเมืองสัตหีบวิ่งไปตามถนนสุขุมวิท จนถึงแยกกม.6 เลี้ยวเข้าไปในซอยสนามกอล์ฟพลูตาหลวง (หรือซอยอ่างเก็บน้ำภูติอนันต์) วิ่งตรงไปประมาณ 2 กิโลเมตร สังเกตุหมู้บ้านพลูตาหลวงไพรเวทฮิลล์ ด้านซ้ายมือ ร้านพลูเฮ้าส์จะอยู่ด้านหน้าของหมู่บ้านเลย

[Decor]
เข้าไปดูในร้านกันต่อ ร้านนี้ค่อนข้างมีพื้นที่กว้าง รวมๆแล้วมีหลายโซนทีเดียว พื้นที่หลักๆจะเป็นห้องแอร์มีโต็ะอาหารอยู่ 7-8 โต๊ะ เหมาะสำหรับช่วงกลางวันอากาศข้างนอกร้อนๆหน่อย ภายในร้านตกแต่งสวยงามประดับด้วยกระเช้าดอกไม้สีสันสดใส หลากหลายอัน มีพร็อบดอกไม้เก๋ๆทั้งดอกไม้จริง ดอกไม้เทียม หลายๆมุมภายในร้าน || อีก2-3โซนของร้านนี้ก็วิวดีเช่นกัน เช่นโซนเอ้าท์ดอร์ ด้านหน้าร้าน จะเห็นวิวภูเขาเขียวๆอยู่ไกลๆ เหมาะสำหรับมานั่งช่วงเย็นๆตอนที่ไม่มีแดดแล้ว และมีโซนโต๊ะอาหารอยู่ริมสระน้ำ ด้านหลังของร้าน วิวดีทีเดียว ได้คุยกับพี่เจ้าของร้านเขาบอกว่า สระว่ายน้ำยังไม่ได้เปิดให้บริการจริงๆจังๆ แต่หากเด็กๆอยากขอมาเล่นน้ำ ก็ลงได้ มีสระเด็ก สระผู้ใหญ่พร้อม และยังมีชิงช้า , ศาลา A Lot of Love พร้อมกับพร็อบถ่ายรูปเก๋ๆภายในร้านอีก ช่างเอาใจคนเซลฟี่จริงๆ สำหรับใครอยากหามุมถ่ายรูปเก๋ๆ ไม่ควรพลาดร้านนี้ มีมุมให้นั่งเล่น ถ่ายรูปเยอะจริง


[Foods]
เข้าเรื่องอาหารกันเลยละกัน ร้านพลูเฮ้าส์ สัตหีบนี้ จากที่ดูในเล่มเมนูส่วนใหญ่จะเน้นไปทางอาหารไทยเป็นหลัก+ซีฟู้ดบ้าง + อาหารจีนโผล่ๆมาบ้าง ราคากลางๆคับ ไม่ถูกไม่แพง เหมาะสำหรับมากินกันเป็นครอบครัวได้สบายๆเลย

-ปลากะพงทอดราดยำสมุนไพร (320 บาท)
ปลากะพงตัวใหญ่พอประมาณ แลเอาเนื้อปลาเป็นคำๆไปทอดให้สุก แล้วค่อยเอาโครงปลาทั้งตัวไปทอดต่อ ราดมาด้วยน้ำยำสมุนไพร ครบครันสารพัดด้วย ขิง ตะไคร้ กระเทียม หอมแดง พริกแดง เม็ดมะม่วงหิมพานต์ ให้มาเยอะมากทีเดียว ตักทานสะดวกดี เพราะร้านหั่นปลาออกมาเป็นชิ้นๆไปทอดให้สุกเหลืองก่อนแล้ว
รสชาติปลาดี ไม่มีกลิ่นคาว รสน้ำยำใช้ได้ แต่เครื่องที่ราดมาด้านบนคือเยอะมาก (เรียกว่าถมทีเลยดีกว่า) ทานๆไปบางทีมีอยู่รู้สึกเหมือนกันเมี่ยงคำอยู่ 555

- กุ้งอบวุ้นเส้นหม้อดิน (160 บาท)
ตอนมาเสิร์ฟเปิดฝาออกมานี้ กลิ่นเครื่องเทศหอมยั่วใจมากๆ ตัววุ้นเส้นทำออกมาดี เส้นเหนียวหนึบผัดแล้วน้ำซอสปรุงรสมันแทรกอยู่ในตัววุ้นเส้นกำลังดี กุ้งตัวใหญ่พอสมควร ร้านผ่ากลางหลังตัวกุ้งมาให้แล้วด้วย ทำให้แกะกุ้งกินได้ง่าย

- ลาบเป็ดคั่ว (120 บาท)
เป็ดสับออกมาเป็นชิ้นเล็กๆ ผสมแคบหมูเข้ามาด้วย รสชาติจานนี้จัดจ้านมากๆ มาพร้อมผักเคียงทั้ง แตงกวา กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาวและใบพลู

- ยำแซลมอนวาซาบิ (140บาท)
แซลมอนสไลด์ชิ้นขนาดพอๆกับร้านขายปลาดิบเลย เอาไปลวกให้สุกกำลังดี ทำออกมาเป็นยำที่รสชาติจัดจ้านพอสมควร ตัวน้ำยำมีความเป็นไทยด้วยพริกขี้หนู หอมแดง ตะไคร้ซอย คื่นช่าย และผสมวาซาบิลงไปด้วย แต่ส่วนตัวผมว่าวาซาบิยังใส่น้อยไปหน่อย ยังไม่ค่อยได้รสชาติของวาซาบิแบบจี๊ดๆขึ้นจมูกเหมือนตอนกินอาหารญี่ปุ่นเท่าไร ถ้าเพิ่มวาซาบิละลายลงไปในน้ำยำอีกนิด น่าจะถูกใจผมกว่านี้
แต่ด้วยราคา 140 บาท แล้วเทียบกับปริมาณของแซลมอนที่ให้มาก็ถือว่าคุ้มค่ามากๆ

- เห็ดหอมนึ่งหมูสับไข่เค็ม (140บาท)
เมนูออกแนวจีนๆหน่อย แต่อร่อยล้ำทีเดียว โดยมีเห็ดหอมวางด้านล่างไว้เป็นฐาน แล้วเอาหมูสัปที่ปรุงรสผสมไข่เค็มแล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆวางบนเห็ดอีกที แล้วเอาไปนึ่งสุก ในภาพจะมองไม่เห็นไข่เค็มเพราะมันแทรกซึมลงไปบนตัวหมูแล้วนั้นเอง แต่เมนูนี้อร่อยมาก แต่ได้กินแค่นิดเดียวเอง โดนน้อง(ซึ้งไม่ชอบเมนุเผ็ดๆ)มาแย่งกินแต่เมนูนี้จนเกือบไม่เหลือให้เราได้ชิมเลย

ราคาอาหารของร้านพลูเฮ้าส์นี้คือว่าทำราคาออกมาได้คุ้มค่ามากๆ เมื่อเทียบกับปริมาณของอาหารและรสชาติที่ได้ลองไปแล้ว คนกรุงเทพแบบเรา เคยเจอแต่อาหารราคาค่อนข้างสูงๆในตัวเมือง พอได้มากินของอร่อยๆในราคาที่ตั้งแบบนี้ จึงถือว่าคุ้มค่ามากๆทีเดียว

[Drink and Dessert]
- Blue Hawaii italian Soda 40 บาท
น้ำบลูฮาวายสีฟ้าสดใส เสิร์ฟมาในแก้วมัคสุดฮิต ที่ร้านอาหารคูลๆสมัยนี้นิยมกัน (ขายราคานี้คือถูกมากนะ ในกรุงเทพนี้ 55-60 กันหมดแล้ว)

- นมสดโอรีโอปั่น 60 บาท
นมสดปั่นกับโอรีโอ (แต่วันที่ไปกินโอรีโอหมด เลยใส่ฟันโอมาแทน 555 ) เสิร์ฟมาในแก้วทรงสูง

- Green Apple yogurt smoothie 60 บาท
แอปเปิ้ลเขียวปั่นผสมโยเกิร์ตลงไปด้วย แก้วนี้ผมไม่ได้ชิม ได้แต่กลิ่นหอมๆ น่าทานทีเดียว

- บิงซูแตงโม 139 บาท
ของหวานสุดฮิตสไตล์เกาหลีอย่างบิงซู ที่ร้านก็มีขายนะ ทำออกมาดูดีมากๆเลยทีเดียว ตอนเสิร์ฟมาที่โต๊ะหันไปดูราคาอีกที ยังงงว่าสั่งไม่ผิดใช่มะ ราคานี้จริงๆเหรอ
เพราะจัดแต่งมาดูดีมาก ตักแตงโมออกมาเป็นก้อนกลมๆ ก่อนแล้วค่อยเอาเกล็ดนมน้ำแข็งมาสไลด์ใส่ลงไปบนลูกแตงโมที่ตักเนื้อออกไปแล้ว ราดนมข้นหวานลงไปอีกนิด เสิร์ฟมาบนชามไม้ ดูเก๋ไก๋มากทีเดียว

ร้าน Plu House Sattahip นี้ถามทางร้านแล้วร้านเปิดทุกวันนะครับ ตั้งแต่ 11 โมงเช้า ยัน 22.00 น.เลย ตอนช่วงหัวค่ำประมาณ 6โมงกว่าๆ นี้มีดนตรีสดมาเล่นให้ฟังด้วย ใครสนใจมาทานมื้อค่ำ นั่งทานข้าวชิลล์ๆ ฟังเพลงเพลินๆนี้แนะนำเลย



ปลากะพงทอดราดยำสมุนไพร
เป็นรูป: อาหาร

เห็ดหอมนึ่งหมูสับไข่เค็ม
เป็นรูป: อาหาร

กุ้งอบวุ้นเส้นหม้อดิน
เป็นรูป: อาหาร

บิงซูแตงโม
เป็นรูป: อาหาร

ลาบเป็ดคั่ว
เป็นรูป: อาหาร

บรรยากาศชิลล์ริมสระน้ำ ดูน่านั่งมากทีเดียว
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ
davidevans
(ไม่ใช่สมาชิก)

BTS-ทองหล่อ
คอมเม้นต์ที่ 1
(20 ก.ย. 2016 ตอน 19:11 น)
shocked by the rudness

unbelievable time at this awful place, the rudest Japanese lady i have ever had the misfortune to meet and she was the owner!! i was polite,well dressed and i don't drink,so no idea why she was so rude.avoid!!

แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 1
(20 ก.ย. 2016 ตอน 03:55 น)
คุ้มค่า อร่อย สด สะอาด บรรยากาศดี สุดชิลล์ @ ร้าน Plu House สัตหีบ พลูตาหลวง
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

วันนี้มาไกลถึงสัตหีบกันเลยครับ มาพบกับร้านอาหารสุดเด็ดที่ห้ามพลาดอีกร้านนึง "พลูเฮ้าส์" ครับ
ร้านกว้างขวางมากๆ มีทั้งส่วนในร่มและส่วนกลางแจ้ง รวมไปถึงร้านกาแฟน่ารักๆ ที่แปลกกว่าร้านอื่นคือ มีสระว่ายน้ำด้วยครับ! เป็นสระของทางร้านเองเลย มีห้องน้ำห้องแต่งตัวเตรียมไว้ให้พร้อม ว่ายน้ำเสร็จก็ทานอาหารหรือทานขนมต่อได้เลย เยี่ยมจริงๆครับ
สำหรับเมนูแนะนำที่ขอบอกเลยว่าห้ามพลาดก็มี ปลากระพงทอดสมุนไพร ที่นำเนื้อปลากระพงหั่นเป็นชิ้นใหญ่ๆไปทอดจนกรอบเหลือง คลุกเคล้ากับเครื่องสมุนไพรรสชาติดี, ยำแซลม่อนวาซาบิ ที่นำเนื้อแซลมอนปรุงสดมายำเข้ากับน้ำยำที่มีกลิ่นและรสของวาซาบิอย่างชัดเจน เพิ่มความจัดจ้านด้วยพริกขี้หนู แซ่บเว่อครับจานนี้, เห็ดหอมนึ่งหมูสับไข่เค็ม จานนี้ดูภายนอกอาจจะเฉยๆ แต่พอได้ลองจริงๆแล้วขอบอกว่าอร่อยมากๆ หมูสับผสมกับไข่เค็มโปะบนเห็ดหอม นำไปนึ่งจนสุกแล้วราดน้ำปรุงสูตรเด็ด เต็มหวานกลมกล่อมครับ
หรือท่านใดชอบอาหารจานเดียว ก็มีให้บริการนะครับ ขอแนะนำ ข้าวผัดเขียวหวานปลาสลิดไข่เค็ม, ข้าวผัดน้ำพริกนรกปลาสลิด, ข้าวผัดคั่วกลิ้งหมู สามจานนี้แซ่บสุดใจเลยครับ ข้าวผัดผัดมาได้แห้งร่วน หอมเครื่องแกงทุกจาน
ขนมของหวานทีร้านนี้ก็ไม่ธรรมดา มีให้บริการทั้งปังปิ้งทั่วไป ไปจนถึงบิงซูยอดฮิตเลยครับ

สนใจอ่านReview ฉบับเต็มได้ที่
> https://goo.gl/2lTGx8 < ขอบคุณครับ


"พลูเฮ้าส์ (Plu House)" ครับถ้าขับรถผ่านไปไวๆ นึกว่าส่วนกลางสโมสรของหมู่บ้านซะอีกแต่ไม่ใช่ครับ เป็นร้านอาหารครับ หน้าร้านมีที่จอดรถรองรับได้เยอะมากอยู่ครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

สระว่ายน้ำเหมือนเป็นจุดเด่นของร้านเลยครับ ลงไปเล่นได้นะครับติดต่อทางร้านได้เลยค่าบริการไม่แน่ใจครับ มีห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บริการด้วยครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

บรรยากาศภายในร้านส่วนของร้านกาแฟครับเมื่อก่อนใช้ชื่อว่า "A lot of LOVE" แต่ตอนนี้รวมเป็นส่วนนึงของร้านอาหารพลูเฮ้าส์แล้วครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

เป็นรูป: บรรยากาศ

อร่อยเพลินชิลล์มีดนตรีสดด้วยอยู่จนค่ำอย่างสบายใจเลยครับ ใครผ่านไปแถวนั้นต้องไปลองให้ได้ครับเด็ดจริงร้านนี้
เป็นรูป: บรรยากาศ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 3
(10 ส.ค. 2016 ตอน 16:09 น)
ขยายร้านใหม่ยังอัดแน่นไปด้วยคุณภาพและความฟินแต่ราคาเท่าเดิม คุ้มค่าสุดๆ "ไข่หวาน บ้านซูชิ"
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

มาแวะอีกแล้ว ที่ร้าน "ไข่หวานบ้านซูชิ" (ศูนย์อาหารเมืองทองธานี) ซูชิคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋าที่ทำให้เราประทับใจกันไปในคราวที่แล้ว มาคราวนี้ร้านเขยิบมาอีกหน่อยแล้วขยายเป็นสองล็อค A07-A08 ขอบอกเลยว่ามีเมนูใหม่ๆเพิ่มขึ้นหลายเมนู แต่ละเมนูรสชาติไม่ธรรมดาแน่นอนครับ

เมนูเด็ดของร้านนี้คงหนีไม่พ้นซูชิที่ทำจากปลาแซลมอน เพราะใช้แซลมอนนำเข้าจากนอร์เวย์ สด ไม่มีกลิ่นคาว มีให้เลือกทั้งซูชิหน้าปลาแซลมอนที่หั่นชิ้นปลามายาวมากๆ หรือท่านไหนชอบแบบซาชิมิก็มีให้ทานนะครับ แต่ที่ขอแนะนำเลยคือ เมนูน้องใหม่ ซูชิท้องปลาแซลมอนเบิร์น ที่นำท้องปลาแซลมอนมาหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม เบิร์นจนสุกหอม ชิ้นนี้จะได้ทั้งรสชาติเข้มข้นจากน้ำมันที่ท้องปลา กับความสดชื่นจากข้าวซูชิ อร่อยมากๆครับ

เมนูอื่นๆก็เด็ดไม่แพ้กันนะครับ แซนวิชไข่หวาน ที่เป็นไข่หวานชิ้นโตสอดไส้ด้วยไข่กุ้งและมายองเนส ซูชิหน้าเป๋าฮื้อ ที่นำเป๋าฮื้อหั่นเต๋าคลุกเคล้ากับน้ำสลัด อร่อยหนุบหนับดีครับ มากิหน้าไข่ปลาบิน ท่านใดชอบไข่กุ้ง ขอแนะนำให้ลองไข่ปลาบินนะครับ เม็ดใหญ่กว่า เคี้ยวกรุบๆ ได้กลิ่นหอมของน้ำทะเลครับ

อันนี้ยังไม่หมดนะครับ ทึ่ร้านไข่หวานบ้านซูชิยังมีซูชิอีกมากมายหลายเมนูให้ท่านได้ลิ้มลอง ท่านใดชอบทานซูชิ แล้วอยากจะลิ้มลองซูชิคุณภาพดีในราคาสบายกระเป๋า ห้ามพลาดร้านไข่หวานบ้านซูชินะครับ

เพื่อนพี่น้องท่าใดสนใจลองไปอ่านรีวิวเต็มๆ ได้ที่
http://goo.gl/QOHUkG
ขอบคุณครับ


มารอบนี้ร้านขยายเป็นสองล็อคแล้วครับจากและเขยิบมาจาก A10 เป็น A07-A08 ถ้าไปถึงที่แล้วหาไม่ยากครับร้านนี้คนมามุงๆ หยิบๆกันแทบจะตลอดเวลาเลย นี่ขนาดเพิ่งเปิดร้านเลย
เป็นรูป: บรรยากาศ

ซูชิมีตั้งแต่ราคา 10 บาท ขึ้นไปครับ แบบ 10 บาทก็น่าทานเยอะอยู่ครับร้านนี้คุณภาพจัดเต็มแน่นอน
เป็นรูป: อาหาร

แบบ 15 บาท ก็มีเยอะครับ คุ้มค่ามากมาย
เป็นรูป: อาหาร

ส่วนแบบ 20 บาทนี่จัดเต็มเกินราคามากๆครับ มีแต่ซูชิน่าทานเยอะมากๆ
เป็นรูป: อาหาร

จัดเต็มลอตแรกครับ เอาให้ฟินกันไปเลย
เป็นรูป: อาหาร

ห่อกลับอีกจัดเต็มราคารวมๆ ก็เหมือนบุฟเฟ่ต์หัวนึงแต่ฟินไปสองสามมื้อและคนที่บ้านฟินกันไปด้วยเลย สุดๆครับร้านนี้อยากให้มีใกล้บ้านมากๆ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(29 ก.ค. 2016 ตอน 01:13 น)
Mint Cafe ร้านสุดฮิป เปิดใหม่ย่านเลียบด่วนรามอินทรา ลองแล้วจะหลงรัก
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

หวัดดีคับ วันนี้จะมารีวิวร้านอาหารแหล่งชิลล์เอาท์ใหม่ สุดฮิป เปิดใหม่ในย่านเกษตรนวมินทร์กัน ร้านที่ว่าคือ "Mint Cafe by Peppermintfield" ร้านมินท์คาเฟ่ต์ นี้ตั้งอยู่ในซอยโยธินพัฒนา3 (ซอยเดียวกับร้านบ้านก้ามปู)

[พิกัดที่ตั้งของร้านมินท์คาเฟ่ต์]
จากถนนประดิษฐ์มนูธรรม(ถนนเลียบด่วนเอกมัย ) ก่อนจะถึง CDC ประมาณสัก300เมตร ให้เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยโยธินพัฒนา3 เมื่อเจอปั้มบางจากเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง แล้วก็ขับตรงมาประมาณอีกสัก 500 เมตรจะเจอ Mint Cafe อยู่ด้านซ้ายมือ

เดิมพื้นที่ของร้านนี้ ด้านในคือสนามปั่นจักรยาน Peppermint Bike Park เป็นสนามให้เช่าพื้นที่สำหรับคนรักการปั่นจักรยานโดยเฉพาะ โดยเป็นเจ้าของเดียวกันกับ ยาดม Peppermint Field และยาหม่องเซียงเพียง นั้นเอง ตัวสนามปั่นจักรยานน่าจะเปิดมาได้ปีกว่าๆแล้ว
แต่ตอนนี้ด้านหน้า ได้เพิ่มตึกใหม่ขึ้นมา เป็นอาคารขนาดใหญ่พอควรความสูง 2 ชั้น ออกสีรมควันเข้มๆ ตกแต่งออกแนวยุโรป ดูสวยๆเก๋ๆไม่เบา เดินสำรวจรอบนอกร้าน มีโซนที่นั่งด้านข้าง เป็นโต๊ะเก้าอี้หวายพลาสติกสีน้ำตาลเข้ม เหมือนอยู่ในสวนขนาดย่อมๆ ถ้ามาช่วงเย็นๆแดดร่มลมโชย มุมตรงนี้น่าจะชิลล์ดี
ส่วนอีกโซนด้านหน้าร้าน มีโต๊ะเก้าอี้หวายเทียมสีขาวๆ ตั้งอยู่อีกหลายตัว ก็เหมาะสำหรับมานั่งทานข้าว จิบกาแฟ ชิลล์เย็นๆเช่นกัน ลองเข้าไปดูบรรยากาศภายในร้านกันต่อ ด้านในเป็นห้องแอร์ มีโต๊ะอาหาร วางเรียงรายอยู่เยอะเหมือนกัน บรรยากาศร้านออกสไตล์ Loft ดูเก๋ๆ ชิคๆ ออกสีแนวเอิร์ทโทน โดยมีจักรยานหลายคัน แขวนห้อยไว้อยู่รอบร้าน แต่ละคันดู Limited Edition มากๆท่าทางเจ้าของร้านจะรักจักรยานมากจริงๆ ถ้าให้เดาราคาแต่ละคันนี้น่าจะหลายหมื่นถึงเหยียบแสนขึ้นไปแน่ๆ พอดีผมไม่ใช่สายปั่นจักรยานซะเท่าไร เลยไม่ค่อยรู้ดีเทลตรงนี้มากนัก
การตกแต่งภายใน โดยรวมดูดีมากๆ เหมาะสำหรับการมานั่งชิลล์ๆจิบกาแฟ ทำงานเพลินๆ หรือมาสังสรรค์ทานข้าวกับเพื่อนพ้องก็น่าจะเหมาะมาก ลองแอบขึ้นไปดูที่ชั้น 2 เป็นห้องโถงขนาดใหญ่ น่าจะเอาไว้สำหรับจัดงานเลี้ยง งานปาร์ตี้ อะไรได้ด้วย พื้นที่เยอะมากทีเดียว


มาเข้าเรื่องอาหารกันเลยดีกว่า วันนี้ชาวแก็งค์มากัน 3 คน อยากจัดอาหารอร่อยๆฟินๆเต็มเหนี่ยว เลยสั่งเมนูแนะนำไปหลายอย่าง
-ปลาหมึกทอด Fried Calamari [185 บาท]
จานแรกเรียกน้ำย่อยกันด้วยหมึกชุปแป้งทอด เป็นหมึกกล้วยชุปแป้งทอด ออกสีเหลืองอ่อนๆแล้วโรยด้วยผง สโมคปาปริก้า เสิร์ฟพร้อมกับดิปปิ้งทาร์ทาซอส

-ขาหมูเยอรมันทอด Pork Knuckle [385 บาท]
เป็นจานแนะนำของร้านมิ้นท์คาเฟ่ เลยต้องลองซะหน่อย ขาหมูเสิร์ฟมาจานใหญ่พอควรเลย หั่นมาให้เป็นชิ้นๆแล้วด้วย ไม่ต้องเหนื่อยแรง
1จานคือ1ขาเต็มๆเลย ได้รสสัมผัสที่ดีทีเดียว ตัวหนังกรอบเคี้ยวได้ง่ายๆ ตัวเนื้อด้านในนุ่มแน่นไม่เหนียวเลยคับ ขาหมูทอดของร้านนี้ เสิร์ฟมาพร้อมด้วยซาวเคร้า2สีมีกระหล่ำขาว+กระหล่ำม่วงดองจนได้รสเปรี้ยวกำลังดี น้ำจิ้มซีฟู้ดใส่ใบมิ้นต์ปั่นลงไปด้วย และอีกถ้วยเป็นแมสโปเตโต้

-หอยเชลซอสบัลซามิค Scallop Balsamic sauce [395 บาท]
หอยเชลล์นำเข้าตัวใหญ่ทีเดียว กริลล์จนสุกแล้ว เสิร์ฟมาบนซัลซ่าที่ปรุงผสมด้วยผักหลายอย่างพริกหวาน หอม มะเขือเทศ อะโวคาโด เม็ดสน เสิร์ฟพร้อมผักใบมีทั้ง ใบร็อกเก็ต กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรดดิชิโอ ราดด้วยบัลซามิค

-เนื้อย่างจิ้มแจ่ว-ข้าวเหนียว Grilled Sirloin Chili dipped [385 บาท]
เป็นสเต็กเนื้อย่างสไตล์ไทยๆ แต่อร่อยเทพมากๆ โดยร้านใช้เนื้อออสเตรเลียส่วนสะโพกบน(แลมป์) ย่างให้สุกระดับมีเดียม สีเนื้อด้านในออกสีชมพูๆเรืองๆอยู่เลย ดูน่าทานมั๊กๆ ข้าวเหนียวนี้ก็นำพันธุ์มาจากเชียงรายเพื่อมานึ่งเสิร์ฟในร้าน นุ่มอร่อยจริงๆ เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มแจ่ว รสชาติแบบสุดๆไปเลย

- เบอร์เกอร์เนื้อ Charcoal Beef Burger [255 บาท]
เป็นเบอร์เกอร์ชาร์โคลสุดฮิต ข้างในเป็นเนื้อบดจากส่วนสะโพกโคขุน หมักด้วยโรสแมรี่ หอมใหญ่ พริกไทยนำไปย่างจนสุกหอม ใส่เชดด้าชีส พร้อมซอสมัสตาร์ดการ์ลิค ในเซ็ทจะเสิร์ฟพร้อมกับ Wedge Fried โรยผงปาปริก้านิดนึงอร่อยดี และซอสทาร์ทาร์ ไว้จิ้มกินเพลินๆ

- พาสต้า CEO (Pasta CEO -Aglio Olio) [255 บาท]
พาสต้าซีอีโอ จานนี้เขาบอกว่ามาจากเจ้าของร้านชอบทานสปาเก็ตตี้มากๆ จึงคิดสูตรส่วนผสมเมนูนี้ขึ้นมา เส้นสปาเก็ตตี้ต้มแบบ Al dente คือข้างนอกเหนียวนุ่ม พอกัดเข้าไปด้านในยังได้ความกรึบๆของเส้นอยู่ ซึ้งต้องใช้ประสบการณ์ของคนต้มเส้นให้ได้ระยะเวลาที่เหมาะสม
ส่วนประกอบในจานที่เห็นจะมีกุ้งกะหมึกเป็นหลัก แต่เด่นที่เครื่องปรุง มีทั้งมะกอกดำ พริก กระเทียม เบซิล โขกรวมกันจนได้ซอสที่มีความเข้มข้นและอร่อยลงตัว เผ็ดติดปลายลิ้น

-ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่สูตรคุณแม่ (Mom's Kua gai noodle) [95 บาท]
เป็นเมนูทานง่ายๆอีกจานของร้าน เส้นใหญ่เหนียวหนับกำลังดี ใส่ไก่ชิ้นใหญ่ พร้อมผักกาดหอม ทางร้านบอกเมนูผัดๆของร้านนี้ทั้งหมดจะใช้น้ำมันคาโนล่าออยท์ เพื่อสุขภาพอีกด้วย


[Dessert]
-กล้วยหอมทอด (Goldenbrown fried banana) [85 บาท]
กล้วยหอมสุกกำลังดี ชุปแป้งทอด แล้วราดน้ำผึ้งหอมหวานกำลังดี โรยด้วยไอซิ่งอีกนิด และมีเกล็ดน้ำตาลรสใบเตย(สีเขียวอ่อนๆ) โรยมาด้วย ให้รสสัมผัสกรุบๆเวลาเคี้ยว ตัวแป้งที่ชุปค่อนข้างเบา กินแล้วรู้สึกได้ว่าเขาชุปมาไม่หนาจนเกินไป

-Mint Cafe Triple Sorbet with Waffle [135 บาท]
ขนมหวานซิกเนอเจอร์ของทางร้าน เพื่อให้เข้ากับร้านมินต์คาเฟ่ต์ ของหวานจานนี้คือมีกิมมิคอยู่ที่ไอศกรีมโฮมเมดที่ใส่ส่วนผสมของใบมิ้นท์ลงไปด้วย
เป็นไอศกรีม 3 ลูกที่ทางร้านทำขึ้นเอง เป็นโฮมเมดไอศกรีม รสเชอร์เบททั้ง 3 ลูก ได้แก่เลมอนฮันนี่ สตรอเบอร์รี่ และเสาวรส ผสมมิ้นต์ลงไป ทางร้านบอกเราว่าทำไอศกรีมขึ้นมาเองเลยไม่ได้ใส่สารให้ความคงตัว เลยเห็นว่ามันจะค่อนข้างหลอมเร็วมาก (ซึ้งปกติโรงงานทำไอศกรีมจะใส่สารให้ความคงตัว เป็นFood Additiveอย่างนึงที่ใช้ในเชิงอุตสาหกรรม เพื่อให้เวลาตักไอติมมาเป็นลูกๆแล้ว มันยังคงสถานะอยู่ได้นาน..เอ่อ...จบฟู้ดซายน์มาก็งี้ รู้อะไรมาก็อยากบอก^^)
โดยมีวัฟเฟิลเป็นฐานอยู่ด้านล่าง วางไอติมเชอร์เบททั้ง3ลูกโป๊ะข้างบนพร้อมลูกสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ โรยไอซิ่งนิดนึง เมนูนี้สาวๆมาต้องกรี๊ดแน่นอน

-Affogato 135 บาท
กาแฟเอสเพรสโซช็อต พร้อมไอติมวนิลลา *เมนูนี้ถ้าตัวเอสเพรสโซช็อต คัดเลือกเมล็ดที่คุณภาพดีมาทำ เมื่อเทราดลงบนไอติมวนิลลา มันจะได้รสชาติที่อร่อยลงตัวจริงๆ ซึ้งที่ร้านนี้ทำให้เราได้อร่อยไม่ผิดหวัง ลืมถามไปว่าเป็นกาแฟคั่วบดของแบรนด์อะไร มาจากไหน?
คร่าวหลังลองแวะมาสั่งกาแฟร้อนทานอีกดีกว่า เพราะดูแล้วใช้กาแฟดีจริงๆ


[Drinks]
เครื่องดื่มของที่ร้านมิ้นท์คาเฟ่ต์ ไฮไลน์จะอยู่ที่การคิดใส่ส่วนผสมใบมิ้นท์ลงไปในหลายๆเมนูของร้าน เราเลยสั่งเมนูซิกเนเจอร์ของร้านมาลองกันหลายแก้วเลย
1. Mint Fizz มินท์ฟิซ เสาวรสปั่น [75 บาท]
เป็นเครื่องดื่มเสาวรสปั่นมีส่วนผสมของใบมิ้นท์ ทุกแก้วในตระกูล Mint Fizzจะใส่ใบมิ้นต์ เพื่อให้คงคอนเซ็ปของร้าน รสออกเปรี้ยวๆหวานๆ ดื่มแล้วสดชื่นดี เสิร์ฟมาในแก้วมัค ท็อปปิ้งด้านบนด้วยลูกเสาวรสสดพร้อมใบมิ้นต์ดูกิ๊บเก๋ดี
2. มะนาวโมฮิโต้ Lime Mint-cooler Mojito [85 บาท]
มีน้ำตาลทรายแดงเป็นฐานด้านล่าง คั่นมะนาวใส่ผสมโซดาและใบมิ้นต์ แก้วนี้เปรี้ยวๆซ่าๆ สดชื่นมากทีเดียว กว่าจะได้ถ่ายทิ้งไว้นานไปนิด เลยเริ่มนอนก้นนิดหน่อย
3.Mint Fizz มินท์ฟิซ ลิ้นจี่ปั่น [75 บาท]
เป็นอีกแก้วในตระกูลMint Fizz ประกอบด้วยโซดา+มะนาว+ลูกลิ้นจี่ปั่นรวมกัน ท็อปด้านบนด้วยลิ้นจี่อีก1ลูก
4.Mixology Green Apple (Perrier) [170 บาท]
อีกเครื่องดื่มรสชาติแตกต่าง โดยการผสมSparkling Mineral water ของ Perrier กับน้ำหวานรสผลไม้+ใส่เนื้อผลไม้ลงไปด้วย แก้วนี้เป็นแอปเปิ้ลเขียว ให้รสเปรี้ยวซ่า สดชื่น (แต่ราคาแอบสูงไปนิด ก็เปอริเอ้นิเนอะ)

ตัวเลขราคาอาหารของร้านนี้รวมแวตไปแล้วนะคับ แต่ว่ายังไม่รวม +10% Service Charge


หน้าร้านมิ้นท์คาเฟ่ต์
เป็นรูป: บรรยากาศ

Beef Burger
เป็นรูป: อาหาร

ขาหมูเยอรมันทอด ร้าน Mint Cafe
เป็นรูป: อาหาร

เนื้อย่างจิ้มแจ่วข้าวเหนียว
เป็นรูป: อาหาร

พาสต้าซีอีโอ mint cafe
เป็นรูป: อาหาร

Mint Fizz เสาวรสปั่น
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(20 ก.ค. 2016 ตอน 11:49 น)
ร้านซูชิระดับฟู้ดคอร์ท แต่ความอร่อยไม่แพ้ร้านดังๆเลยฮะ ร้านไข่หวานบ้านซูชิ ศูนย์อาหารเมืองทอง
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

วันนี้ขอมารีวิวร้านซูชิฟู้ดคอร์ท แต่ความอร่อยระดับทองหล่อ กันนะครับ ร้านนี้ชื่อว่าร้าน "ไข่หวาน บ้านซูชิ" เป็นร้านซูชิเล็กๆขายอยู่ในศูนย์อาหารเมืองทองธานี ใกล้ๆตลาดต้นประดู่
เคยมากินครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นร้านมีแค่ล็อกเดียว เดินผ่านแล้วเอ๊ะใจทำไมคนมุ่งหน้าร้านกันเต็มเลย เลยขอลองแวะซื้อกินบ้าง ปรากฎคือเหมือนพบขุมทรัพย์ความอร่อยกลางเมืองทองเลยบร๊ะเจ้า...คือขายซูชิราคาระดับคำละ 10-15-20 บาท แต่พี่เขาปั้นซูชิหน้าตาออกมาเกินราคาที่ขายมากๆ
เพราะร้านนี้ ซูชิเขาหั่นปลาให้ชิ้นใหญ่กว่าข้าวญี่ปุ่น แบบไม่ใช่ว่าใหญ่ธรรมดา แต่มันคือหั่นปลาชิ้นใหญ่มาก ถ้าสั่งซูชิแบบ Nigiri หรือที่เป็นชิ้นปลาอยู่ท็อปด้านบนของข้าว จะเห็นเลยว่าปลาชิ้นใหญ่ระดับที่ว่าปลาปิดข้าวมิดเลย แต่ขายอยู่ที่คำละ 20 บาทเท่านั้น (ซึ้งถ้าไปเข้าร้านดังๆ คำนี้น่าจะ 30-40 อัพแน่ๆ)

มากินคร่าวนี้ พบว่าร้านได้ขยายขนาดมากขึ้นจากเดิมแค่ล็อกเดียว เพิ่มมาเป็น 2 ล็อก อยู่ในโซน A ของศูนย์อาหารเมืองทองธานี (Log A.07-08) ร้านเปิดตั้งแต่ 17.00 - 23.00 น. ทุกวัน ถามแล้วเดือนนึงปิดร้านแค่ 2 วันคือทุกวันอาทิตย์ที่ 2 และ 4 ของเดือน ที่เหลืออีก28วันขายตลอด

แก็งค์เราไปถึงร้านตอนประมาณ 5 โมงเศษๆ ร้านยังปั้นซูชิออกมาวางได้ไม่กี่ถาดเอง แต่ก็เริ่มมีลูกค้าขาประจำเข้ามารอคิว ตักๆคีบๆซูชิกันแล้ว เราก็เลยรอสักพัก ซูชิหน้าต่างๆก็เริ่มทะยอยออกมาวางบนถาด เต็มพื้นที่หน้าร้านทั้ง 2 ล็อก ลูกค้าทั้งขาประจำ และขาจร ก็เดินมาเลือกคีบซูชิกันตามสะดวก

วิธีสั่งอาหารร้านนี้ เวลามาถึงหน้าร้านแม่ค้าจะถามว่าจะทานที่นี้(คือทานในฟู้ดคอร์ท) หรือว่าจะกลับบ้าน ถ้าเราเลือกทานที่นี้ แม่ค้าจะส่งจานพลาสติกมาให้พร้อมที่คีบซูชิเป็นอาวุธประจำกาย1อัน ถ้าเราเลือกสั่งกลับบ้านแม่ค้าก็จะหยิบกล่องพลาสติกสีดำๆแบ่งเป็นล็อกๆมาให้พร้อมที่คีบ ก็เลือกคีบชิ้นที่ชอบได้เลย หรือถ้าจะสั่งเอาแซลมอซาชิมิ หรือปูอัดซาชิมิ ก็บอกแม่ค้าได้เลย เขาจะตักใส่จานมาให้
ราคาของปูอัดซาชิมิ อยู่ที่ชุดละ 39 บาท (พร้อมวาซาบิ+โชยุ)
ราคา Salmon Sashimi จะมี 2ราคา ชุดเล็ก(10ชิ้น) 130 บาท ชุดใหญ่(15ชิ้น) 180 บาท
ส่วนซูชิที่ร้านขายทุกอย่างจะขายเป็นคำๆ คำละ 10 -15-20 บาท อยากทานชิ้นไหนก็คีบได้เลย เอาที่ชอบ โดยทุกจานทางร้านจะให้ขิงดอง หัวไชเท้าขูดเป็นเส้นๆมาแก้เลี่ยน พร้อมกับวาซาบิและโชยุครบครัน

Sushi ที่นี้ส่วนใหญ่แบ่งเป็น 3 ราคา ซึ้งก็ขึ้นอยู่กับราคาของวัตถุดิบนั้นแหละ
Sushi คำละ 10 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้าไข่กุ้ง ,ซูชิทูน่าไข่กุ้ง ,ทูน่าสลัด,ซูชิปูอัด,ซูชิหน้ายำสาหร่าย,ฟูโตมากิ อะไรประมาณนี้
Sushi คำละ 15 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้ากุ้งแก้ว, ซูชิหน้าไข่หวาน, ซูชิหน้าปลาซาบะดอง, ไข่หวานแซนวิช, หน้ากุ้งแก้ว,หน้ากุ้งกิมจิ,หน้าหมึกซอสหวาน(ทาโกะจัง),หน้าสลัดหอยเป๋าฮื้อ,หน้าเอ็นหอยเชลล์กิมจิ
Sushi คำละ 20 บาท จะเป็นพวกซูชิหน้าแซลมอน, หน้าปลาทูน่า(มากุโร่), หน้าปลาไหลย่างซีอิ๊ว, แซลมอนโรล,โรลไข่หวาน,โรลปูอัด,หน้าแซลมอนสลัด (พวกคำละ20 บาทนี้ มีแต่หน้าที่ผมชอบๆทั้งนั้นเลย)
ส่วนหน้าที่แพงที่สุดของร้านนี้ก็คือ ikura sushi หรือซูชิหน้าไข่ปลาแซลมอนนั้นเอง คำละ 55 บาท (แต่ก็ให้เยอะจัดเต็มเหมือนกันนะถึงราคาจะสูงก็ตาม)

วันนี้แก๊งค์เราไปกัน 3 คนเลยตักซูชิมาทานกัน 2 จานเต็มๆ + แซลมอนซาชิมิชุดใหญ่ อีก 1 จาน คิดราคา3จานนี้รวมกัน 610 บาท หาร 3 แล้วตกคนละ 200 บาทเอง คุ้มค่าจริงๆ

คือที่ชอบร้านนี้เป็นเพราะว่า ผมเคยไปนั่งคำนวณราคา เวลาไปกินที่ร้านญี่ปุ่นแบบที่เป็นพวกซูชิบุฟเฟ่ต์หัวละ 399 -499 บาทกินได้ 90 นาที ไรงี้ เอาเข้าจริงๆเราสั่งมากินได้ไม่กี่คำเราก็อิ่มกันแล้ว 499 ที่จ่ายไป ถ้าเอามาหารเป็นต่อคำ บางครั้งเราว่ามาสั่งซูชิร้านนี้กินยังจะคุ้มซะกว่า
เพราะร้านซูชิบุฟเฟ่ต์ เขามักมีเวลาจำกัดให้เรา และบางร้านเขาก็เน้นไปที่ปลาแซลมอนอย่างเดียวไปเลย คือเอาแซลมอนมาทำเป็นเมนูSushiหลายๆอย่างให้ดูเหมือนมีให้เลือกหลายๆหน้า ส่วนปลาอย่างอื่นก็แทบไม่มีให้เลือกเลย และก็มีแค่พวกไข่หวาน ปูอัด มิโซะซุป ยำสาหร่ายเครื่องเคียงอีกนิด เท่านั้นเอง

สำหรับงวดนี้ก็เช่นเคย...หลังจากอิ่มอร่อยกันแล้ว...ก็สั่ง Salmon Sahimi กลับบ้านอีก 1 ชุดพร้อม Sushi อีก1 กล่องจัดเต็ม เอาไว้ฟินต่อเป็นมื้อเช้าพรุ่งนี้อีกมื้อ
เสียดายไกลบ้านไปนิดนึง....มาซื้อได้เฉพาะช่วงที่มาเดินงาน Expo ที่เมืองทอง ถ้าบ้านอยู่ใกล้ คงได้แวะบ่อยๆแน่นอน




ซูชิรวมคำที่อร่อยๆเข้าด้วยกัน
เป็นรูป: อาหาร

แซลมอนซาชิมิ จานใหญ่180 บาท
เป็นรูป: อาหาร

ซูชิแซลมอน ปลาชิ้นใหญ่ ข้าวนิดเดียว ซิกเนเจอร์ของร้านนี้เลย
เป็นรูป: อาหาร

จะทานที่นี้ หรือสั่งกลับบ้าน ก็แจ้งร้านได้เลย พร้อมคีบชิ้นที่ชอบลงกล่อง
เป็นรูป: อาหาร

หน้าร้านไข่หวานบ้านซูชิ ศูนย์อาหารเมืองทอง ขยายเป็น2ล็อกแล้วนะ
เป็นรูป: บรรยากาศ

อร่อยติดใจ จนต้องสั่งกลับบ้านไปฟินมื้อเช้าต่ออีกมื้อ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(10 ก.ค. 2016 ตอน 21:33 น)
กอบัว ภูเก็ต นึกถึงอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแท้ๆ ต้องมาลองร้านนี้
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

มีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ภูเก็ต มาเมื่อเดือนก่อน ตั้งใจว่าต้องไปหาร้านอาหารพื้นเมืองท้องถิ่นแบบสไตล์ภูเก็ตแท้ๆ ชิมสักมื้อนึง มีเพื่อนคนท้องที่แนะนำร้านกอบัว ภูเก็ต มาให้ว่าควรลองไปชิมร้านนี้ เลยไปจัดมื้อเที่ยงของทริปวันแรกของแก็งค์เราเลย

[พิกัดร้านกอบัว ภูเก็ต Korbua Phuket]
ร้านอยู่ในย่านตัวเมืองภูเก็ตนะครับ ถ้าจากสนามบิน วิ่งเข้าทางตัวเมืองภูเก็ต พอผ่านอนุเสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรี ก็วิ่งตรงมาเรื่อยๆจนมาถึงแยก ม.ราชภัฎภูเก็ต เลี้ยวเข้าซอยกู้กู (ถนนรัษฎานุสรณ์) วิ่งเข้ามาอีกเพียง 30-40 เมตรก็จะเจอร้านกอบัว อยู่ด้านขวามือเลย หาไม่ยาก สังเกตุป้ายร้านสีเขียวๆได้คับ

[Decor]
การตกแต่งของร้านนี้ ถ้ามองจากข้างนอกจะเห็นเป็นอาคารสีขาว สไตล์โคโรเนียล แบบชิโนโปรตุกีส ร้านมีทั้งโซน Ourdoor นั่งรับลมด้านนอก และโซน Indoor ในห้องแอร์เย็นๆ
เข้าไปด้านในร้าน ออกธีมสีขาวครีม ดูคลาสสิคมากๆครับ ตกแต่งสวยงามตามสไตล์โคโรเนียล ผสมผสานความเป็นยุโรป จีนกับความเป็นท้องถิ่นแบบภูเก็ตดั้งเดิม สัมผัสได้ถึงความสวยงามที่ออกคลาสสิค มองไปมุมไหนก็สวยงาม แถมด้านหลังร้านเป็นต้นไม้เขียวๆอยู่มากมาย มองทะลุช่องหน้าต่างออกไปก็ได้สีเขียวจากใบไม้ เพิ่มความสดชื่นขึ้นไปอีก

วันที่เข้าไปทาน โชคดีได้เจอเจ้าของร้านคุณก้อง คุณจอย พี่ทั้ง2ใจดีมากๆ ได้พูดคุยกันหลายอย่าง พร้อมแนะนำเมนูฮิตๆของร้านให้เรารู้จักหลายอย่างเลย คนต่างถิ่นแบบผมก็ไม่รอช้า เมนูไหนขายดี ก็สั่งกันเลยสิคับ รอไร
สังเกตุที่ผนังร้านเห็นมีติดกรอบรูป เป็นคอลัมภ์แนะนำร้านภูเก็ตทาวน์ ทองหล่อ อยู่หลายกรอบภายในร้าน พอได้คุยกับทางเจ้าของร้านถึงบางอ้อว่า ที่แท้แล้วร้าน Phuket Town ตรงทองหล่อซอย6 นี้เป็นร้านของน้องสาวพี่ก้อง ไปเปิดนั้นเอง เพราะเคยได้ยินหลายคนพูดถึงกันว่าถ้าอยากกินอาหารใต้สไตล์ภูเก็ตแท้ๆ ถ้าอยู่กรุงเทพต้องไปร้านภูเก็ตทาวน์ เพราะขึ้นชื่อลือชา เรื่องความอร่อยมาก
พอมารู้ว่าร้านกอบัว เจ้าของร้านเป็นพี่ชายของร้านภูเก็ตทาวน์ ทองหล่อ ผมนี้ยิ้มเลย งานนี้ถ้ากลับไปกรุงเทพ นึกอยากกินอีก ไม่ต้องไปไกลแล้ว มุ่งตรงไปร้านนี้ได้เลย สูตรอาหารเดียวกันเป๊ะ

[Food]
-ผักเหมียงผัดกุ้งเสียบ 120บาท
ใบเหมียงหรือใบเหลียง พื้นท้องถิ่นพบได้เยอะในแถบภาคใต้ นำมาผัดกับไข่ กุ้งเสียบ โรยหอมเจียว โป๊ะอีกนิด ใบเหมียงรสชาติจะออกมันๆ หวานนิดๆ ผัดเข้ากันกับไข่ กลิ่นหอมและอร่อยมากๆ เป็นเมนูที่ Reccommend เลยว่าถ้ามาร้านนี้ต้องสั่ง อร่อยโดนใจจริงๆ

-หมูฮ้อง 150 บาท
เป็นอีกหนึ่งเมนูที่ถ้าไปภูเก็ต ต้องกินเมนูนี้เลย หาได้หลายร้านในตัวเมืองภูเก็ต ความอร่อยอยู่ที่การตุ๋นเนื้อหมูสามชั้น(ซึ้งน่าจะใช้เวลานานอยู่)เพราะรสชาติมันเข้าถึงเนื้อในมากๆมาพร้อมไข่ต้มและกระเทียม หอมกลิ่นเครื่องเทศ ดูๆตอนแรกจะเหมือนพะโล้ แต่ว่าหมูฮ้อง จะเคี่ยวจนน้ำเหือดเข้าไปในตัวเนื้อเยอะ และเคี้ยวง่ายอีกด้วย ทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรอยจังฮู้

- ขนมจีนแกงปู 200 บาท
เป็นขนมจีนแกงปู ตัวน้ำยาปูเน้นเครื่องแกงใต้ รสเผ็ดจัดจ้านพอสมควรเลยนะ ใส่ปูก้อนชิ้นใหญ่ๆ ตักขึ้นมาเห็นเป็นชิ้นๆเลย เสิร์ฟพร้อมขนมจีนม้วนเป็นก้อนๆ พร้อมผักเคียงหลากหลายมากๆในเซ็ทนี้ มีไชโป๊วยำ ถั่วงอกหัวโต ไข่ต้ม กะหล่ำดอง มะเขือ แตงกวา สะตอ ถั่วฝักยาว ปลาฉิ้งฉ้าง พริกแห้ง สัปปะรด

-แกงส้มโชน 180 บาท
เป็นแกงส้มแบบปักษ์ใต้ ออกสีเหลืองเพราะใส่ขมิ้น และใส่โชน ลักษณะเป็นท่อนๆ (คล้ายๆบอน) ใส่เนื้อปลากะพงขาวลงไปชิ้นใหญ่พอควร ปลาเนื้อแน่นและไม่มีกลิ่นคาวเลย น้ำแกงส้มรสเด็ดถูกใจ ตัวโชนจะอุ้มน้ำไว้ค่อนข้างมาก รสเผ็ดพอสมควร

-หมูคั่วเกลือ 120 บาท
เป็นหมูสามชั้นหั่นขนาดพอดีคำ หมักด้วยเครื่องเทศน่าจะหลายอย่างเลย รสออกเค็มๆ กินกับข้าวสวยและแกงส้มเข้ากันดีมาก

-ข้าวเปล่า 15 บาท (ถ้าสั่งแบบโถ 45 บาท)
ร้านนี้ถ้าสั่งข้าวเป็นจานๆ ร้านเขาจะเสิร์ฟมาเป็นทรงกรวยสูงๆแบบในภาพนี้ ก็แปลกตาดีนะคับ

[Drink]
-น้ำแดงมะนาวโซดา
-น้ำส้มคั้น 55
-น้ำมะพร้าว เสิร์ฟมาทั้งลูก 40 บาท มีช้อนให้แคะเนื้อมะพร้าวอ่อนแคะง่าย ชอบมั๊กๆ

คือติดใจร้านนี้มากคับ ตอนแรกกะว่าจะลองทานแค่มื้อเดียว...ปรากฎว่าสั่งแค่นี้ก็อิ่มกันแล้ว....แต่ยังไม่ได้ลองอีกตั้งหลายเมนู..เลยต้องมาจัดอีกมื้อก่อนกลับกรุงเทพ


ผักเหลียงผัดกุ้งเสียบ เมนูนี้แนะนำ มาต้องสั่ง
เป็นรูป: อาหาร

หมูฮ้อง เมนูอร่อยที่ต้องมาโดน
เป็นรูป: อาหาร

ขนมจีนน้ำยาปู แกงปูข้นมาก สะใจเบย
เป็นรูป: อาหาร

หน้าร้านกอบัว ภูเก็ต ป้ายเขียวๆแบบนี้ตรงเข้ามาได้เลย
เป็นรูป: บรรยากาศ

บรรยากาศภายในร้านชิลล์ๆ ดูคลาสสิคดี
เป็นรูป: บรรยากาศ

อร่อยหลากหลาย อยากลองอาหารพื้นเมืองภูเก็ตแท้ๆ มากอบัว ไม่ผิดหวังแน่นอนครับพี่้น้อง
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 1
(6 ก.ค. 2016 ตอน 03:55 น)
คาเฟ่ต์สุดชิค บรรยากาศเลิศ นักปั่นฟิน แห่งใหม่ย่านเลียบด่วนรามอินทรา @ ร้าน Mint Café

ได้เจอกับร้านอาหารสุดชิคย่านเลียบทางด่วนเอกมัยรามอิทรา ร้าน Mint Cafe by Peppermint Field ครับ
มาถึงแล้วตกใจเลย พื้นที่กว้างมากๆครับ นอกจากส่วนของร้านอาหารแล้ว ยังมีส่วนของ Peppermint Bike Park สำหรับคนรักการปั่นจักรยานอีกด้วย แอบไปสำรวจมาแล้ว ขอบอกว่ายอดเยี่ยมจริงๆครับ พื้นที่กว้างขวาง ปั่นได้สบาย มีห้องน้ำบริการพร้อม และมีจักรยานให้เช่าด้วยนะครับ
ส่วนเรื่องอาหารที่นี่ก็ไม่ธรรมดาเลยครับ เป็นลูกผสมระหว่างอาหารไทยกับอาหารอิตาเลี่ยน เช่น ขาหมูเยอรมัน อาหารยอดฮิต ที่ร้าน Mint Cafe ใช้วิธีทอดแบบไร้น้ำมัน ดังนั้นคุณสาวๆสบายใจได้ครับ ขาหมูจานนี้หนังกรอบ เนื้อนุ่มแน่น มันบดและซาวเคร้าก็เยี่ยมยอดครับ หรือจะเป็นจานเบสิคอย่าง สปาเกตตี้CEO ที่ร้านนี้ก็ปรุงแบบไม่ธรรมดา โดยนำมะกอกดำ พริก กระเทียม อิตาเลียนเบซิลมาโกรวมกันเพื่อทำเป็นซอส ดังนั้นสปาเกตตี้จานนี้รสชาติจะเข้มข้น หอมกลิ่นเครื่องเทศครับ
เมนูไทยๆก็มีนะครับ แนะนำเลยกับ เนื้อย่างจิ้มแจ่วข้าวเหนียว ที่ใช้เนื้อนำเข้าจากออสเตรเลีย ย่างแบบมีเดียมเพื่อความฉ่ำน้ำเนื้อ (ชอบความสุกระดับไหนสั่งได้ตามใจนะครับ) ทานกับข้าวเหนียวนึ่งสูตรเด็ดที่ต่อให้ทิ้งไว้นานแล้วก็ยังนุ่มอยู่ และน้ำจิ้มแจ่วรสแซ่บ เด็ดเลยครับอาหารร้านนี้
ใครอยู่แถวนั้นหรือจะตั้งใจไปเลยก็ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ

อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
> http://goo.gl/8rzX8Z <


ยังมีส่วนของ Peppermint Bike Park สำหรับคนรักการปั่นจักรยานอีกด้วย แอบไปสำรวจมาแล้ว ขอบอกว่ายอดเยี่ยมจริงๆครับ พื้นที่กว้างขวาง ปั่นได้สบาย มีห้องน้ำบริการพร้อม และมีจักรยานให้เช่าด้วยนะครับ
เป็นรูป: บรรยากาศ

"ขาหมูเยอรมันทอด" ราคา 385 บาทครับ โหเห็นราคาละถือว่าคุ้มมากครับ ทางร้าน Mint Cafe ใช้ขาหมูไซส์ ไม่เกิน 700 กรัมต่อหนึ่งขา เพื่อให้ได้ขนาดที่พอเหมาะต่อการรับประทานนำไป Sous Vide (ซูวี) แล้วนำไปรมควัน
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 1
(18 มิ.ย. 2016 ตอน 02:23 น)
ร้านอาหารไทยพื้นเมืองภูเก็ตแท้ๆ บรรยากาศดี ราคาบ้านๆ อร่อยเริศ @ "ร้านกอบัว ภูเก็ต"

มีโอกาสได้ไปจังหวัตภูเก็ตมาครับเจอร้านอาหารเด็ดๆ ย่านสี่แยกราชภัฎภูเก็ตมาครับ ร้านอยู่ในซอยกู้กู (ถนนรัษฎานุสรณ์) เลยครับตรงเข้าไปเพียง 100 เมตรพอจะโค้งก็ชะลอได้เลยครับจะเจอ"ร้านกอบัว"อยู่ด้านขวามือ จะเห็นเป็นอาคารหลังสีขาวนั่นครับ แสดงว่าไม่ผิดแน่นอนแล้วครับเลี้ยวเข้าไปได้เลยครับ ...
ร้านตกแต่งร้านสไตล์โคโลเนียล แบบชิโนโปรตุกีส ตามสไตล์ดั้งเดิมของภูเก็ต ร้านแบ่งเป็นสองโซนครับมีโซนระเบียงด้านนอกดูแล้วก็น่านั่งชิลล์ดีครับ ฝรั่งสายชิลล์ๆ คงชอบครับ โซนหลักของร้านบ้างครับ บรรยากาศดีมากๆ ตกแต่งได้สวยงาม

เรื่องอาหารนี่เด็ดเลยครับ ทั้ง"ผักเหมียงผัดกุ้งเสียบ"นี่มาเสิร์ฟปุ๊บหอมจนอยากจะวางกล้องแล้วซัดเลย พอได้ชิมก็ติดใจครับเบิ้ลก่อนเลยอร่อยมาก ๆ ฟินสุดๆอร่อยจริงๆครับ "หมูฮ้อง" ที่เป็นของขึ้นชื่อของภูเก็ตร้านนี้ก็ไม่แพ้ใครรสชาติหวานเค็ม เนื่องจากใช้เวลาเคี่ยวนาน หมูชิ้นใหญ่ทานง่ายมากๆ เนื้อนุ่มหอมหวาน
ทานคู่กับแกงส้มที่มีรสชาติเผ็ดร้อน เข้ากันดีมากๆครับ และทีเด็ดอีกอย่าง..
"ขนมจีนแกงปู"แกงปูก้อนมาพร้อมขนมจีนและเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียงชุดใหญ่เลยตัวแกงใช้เครื่องแกงใต้สูตรพิเศษ เคี่ยวจนได้ที่แล้วใส่เนื้อปูก้อนลงไป รสชาติเข้มข้นอีกจานที่มาพร้อมกันเป็นขนมจีนและเครื่องเคียงสไตล์ปักษ์ใต้ มีทั้งถั่วงอกหัวโตที่หากินได้ที่ภาคใต้เท่านั้น ยำไชโป๊ว ไข่ต้ม ปลาชิ้งชั้ง ผักกาดดอง สับปะรด พริกแห้ง มะเขือ ถั่วฝักยาว แตงกวา และสะตอ ตักขนมจีนใส่จาน ราดด้วยแกงปู ทานพร้อมเครื่องเคียงก็อร่อยเด็ดหรือใครจะทานกับข้าวสวยก็ได้ อร่อยไม่แพ้กัน เนื้อปูเป็นก้อนๆกินแล้วได้รสปูเต็มๆ เยอะมากๆ สดอร่อยนี่ขนาดทางร้านแจ้งก่อนแล้วว่าวันนี้เนื้อปูได้ชิ้นเล็กนะครับ ยังได้เยอะ สะใจสุดๆตักไงก็เจอคุ้มราคาสุดๆไปเลยจานนี้ลืมร้านชื่อดังที่แชร์ๆกันไปได้เลยทีเดียวเจอแบบนี้เข้าไป

เครื่องดื่มร้านนี้ทั้งน้ำส้มคั้นก็อร่อยสมราคามากใช้ส้มอย่างดีเลยไม่ได้หวานน้ำตาลหวานธรรมชาติแท้ๆเลยครับฝาดๆอร่อย น้ำอัญชัญก็ใช้ดอกที่ปลูกเองเลย
พูดถึงเรื่องเบียร์...ร้านนี้จัดเบียร์ paulaner มาครับเป็นเบียร์ชื่อดังจากเยอรมัน ที่ก่อตั้งมากว่า 3 ทศวรรษ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบาวาเรีย
มีคุณภาพตามตำหรับดั้งเดิมมาตลอด ที่ร้านมี 2 แบบให้เลือก รสดั้งเดิม alc. 4.9%เบาดื่มง่าย รสผลไม้ alc. 5.5% เข้มข้น ครับ
ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาดี ตอนแรกนึกว่าต้องจ่ายหนักซะแล้วดูจากบรรยากาศการตกแต่งทั้งหลาย
นี่หารๆกันแล้วยังถูกกว่าเที่ยวจุดอื่นในเมืองเยอะมากครับ ฟินสุดๆ ชาวภูเก็ตหรือขาจรจากกทม.แบบผมหรือใครได้ไปภูเก็ตต้องแวะลองให้ได้ครับ
ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ รับประกันได้เลยบริการก็ดีมากกกก กันเองสุดๆอีก
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
http://goo.gl/dJL0q8


ย่านสี่แยกราชภัฎภูเก็ตมาครับ ร้านอยู่ในซอยกู้กู (ถนนรัษฎานุสรณ์) เลยครับตรงเข้าไปเพียง 100 เมตรพอจะโค้งก็ชะลอได้เลยครับจะเจอ"ร้านกอบัว"อยู่ด้านขวามือ จะเห็นเป็นอาคารหลังสีขาวนั่นครับ แสดงว่าไม่ผิดแน่นอนแล้วครับเลี้ยวเข้าไปได้เลยครับ ...
เป็นรูป: อื่นๆ

ร้านตกแต่งร้านสไตล์โคโลเนียล แบบชิโนโปรตุกีส ตามสไตล์ดั้งเดิมของภูเก็ต ร้านแบ่งเป็นสองโซนครับมีโซนระเบียงด้านนอกดูแล้วก็น่านั่งชิลล์ดีครับ ฝรั่งสายชิลล์ๆ คงชอบครับ โซนหลักของร้านบ้างครับ บรรยากาศดีมากๆ ตกแต่งได้สวยงาม
เป็นรูป: บรรยากาศ

เบียร์ paulaner มาครับเป็นเบียร์ชื่อดังจากเยอรมัน ที่ก่อตั้งมากว่า 3 ทศวรรษ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในบาวาเรีย มีคุณภาพตามตำหรับดั้งเดิมมาตลอด ที่ร้านมี 2 แบบให้เลือก รสดั้งเดิม alc. 4.9%เบาดื่มง่าย รสผลไม้ alc. 5.5% เข้มข้น ครับ
เป็นรูป: อาหาร

"ผักเหมียงผัดกุ้งเสียบ"นี่มาเสิร์ฟปุ๊บหอมจนอยากจะวางกล้องแล้วซัดเลย พอได้ชิมก็ติดใจครับเบิ้ลก่อนเลยอร่อยมาก ๆ ฟินสุดๆอร่อยจริงๆครับ
เป็นรูป: อาหาร

"ข้าวเหนียวมูนกะทิสด" ต่างชาติเห็นนี่ต้องชอบมากๆแน่ๆ เสิร์ฟพร้อมกระทิสดหอมหวานราดให้มั่วแล้วจัดเลยครับ เนื้อมะม่วงหวานหอมอร่อยมากๆ ราคานี้ถูกคุ้มค่าไปเลย ไหนบอกอิ่มกันแล้ว แปบเดียวจ้วงกันซะหมดเกลี้ยงถ่ายไม่ทันกันเลยทีเดียว อยากรู้ต้องลองสั่งครับ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(22 พ.ค. 2016 ตอน 20:15 น)
ทะเลทิพ ซีฟู้ด ร้านอร่อยเด็ด ที่ห้ามพลาดย่านรังสิต-ธัญบุรี
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

ไปลองร้านซีฟู้ดเปิดใหม่ โซนรังสิต-ธัญบุรีมาครับ ร้านทะเลทิพ คลอง 4 อาหารซีฟู้ดสดอร่อยๆ และรสชาติไม่ธรรมดาเลย พิกัดร้านอยู่ตรงรังสิต คลอง4 ก็คือพอผ่าน Dreamworld (คลอง3) ถัดไปอีก1กิโลก็จะเจอถนนคลอง4 (ที่ปากซอยคือร้านบ่อเงิน ขับตรงเข้าไปอีก 1 กิโลเลี้ยวขวาซอยริชแมนชั่น ได้เลยครับ ร้านนี้จะอยู่ตรงข้ามกับริชแมนชั่น)

[Decor]
ร้านนี้ดูจากภายนอกจะเหมือนบ้านทรงไทยหลังนึง แต่พอเข้าไปแล้วก็คือร้านอาหารที่มี 2 ชั้น โต๊ะ-เก้าอี้เป็นไม้สัก แต่มีความเก๋ที่ฐานของโต๊ะอาหารทำมาจากจักรเย็บผ้ารุ่นเก่า ซึ้งที่เห็นคือยังมียี่ห้อ Singer ติดอยู่เลย มีโคมไฟระย้าสวยงาม ตกแต่งอยู่หลายอันภายในร้าน เดินขึ้นไปดูชั้น 2 ก็มีโต๊ะอาหารอีกหลายโต๊ะ เป็นห้องแอร์เหมือนกัน แต่ก็มีโซน Outdoor ด้วย มองวิวภายนอกได้

วันที่ไปทานได้เจอกับทางเจ้าของร้านด้วย ชื่อพี่ทิพ พี่เขาแนะนำอาหารได้ดีและบอกรายละเอียดต่างๆได้เยอะมากๆ เขาบอกว่าก่อนเปิดร้านมีการทดลองทำอาหาร คิดสูตรอาหารมาก่อนเป็นปีๆกว่าจะลงตัวแต่ละเมนู และพี่เขาทำธุรกิจส่งอาหารทะเลให้กับห้องอาหารโรงแรมและร้านอาหารในกรุงเทพหลายๆที่ เลยมีจุดเด่นอีกอย่างนึง คือร้านนี้จะได้ปลา กุ้ง หอย และวัตถุดิบที่สดใหม่เสมอ และคัดไซต์ปลาขนาดที่ต้องการได้

[Food]
มาดูอาหารที่สั่งมาทานกัน
- แกงส้มไข่ปลาริวกิว 350 บาท
เมนูนี้ค่อนข้างหาทานได้ยากมากแล้ว ณ ตอนนี้ เพราะไข่ปลาริวกิวหาไม่ได้ง่ายๆเหมือนแต่ก่อน แต่ของร้านนี้คือมาแบบไซต์ใหญ่ทีเดียว มากันเป็นพวงๆเลย เป็นแกงส้มที่รสชาติเข้มข้น แต่ก็ไม่เผ็ดจนเกินไป ใส่หน่อไม้ดองมาเป็นตัวหลัก ทางร้านบอกใช้ส้มจี้ดที่คั้นเอาน้ำมาใส่แทนมะนาว ซึ้งให้รสชาติความเปรี้ยวเป็นเอกลักษณ์มากกว่ามะนาว

- ออส่วนนิ่ม 220 บาท
ของที่ร้านนี้ใช้ทั้งหอยนางรมและหอยเชลล์มาฟิวชั่นรวมกันในออส่วนนิ่ม เพราะจะช่วยลดคลอเรสตอรอลลงด้วยสำหรับคนที่กังวัลเรื่องนี้ มีความนุ่มและนิ่มละมุนลิ้นมากๆ จานนี้เสิร์ฟมาบนชามทองเหลืองดูดีมากๆ (แต่ก็หนักพอสมควรเลย) พร้อมน้ำจิ้มเป็นซอสพริกศรีราชาและจิ๊กโฉ่

- ปลาแรดทอดน้ำปลา 280 บาท
ปลาที่นี้จะคัดไซต์มาให้ขนาดเท่าๆกัน 1 กิโล (มากินกี่ครั้งก็จะได้ปลาที่คัดไซต์มาแล้ว ไม่ต้องกังวัลว่าจะเจอปลาตัวใหญ่บ้างเล็กบ้าง เหมือนบางร้าน) ทอดบนกระทะทองเหลือง แล้วราดซอสน้ำปลา (ตัวซอสน้ำปลาก็มีสูตรเฉพาะของทางร้าน ออกรสเค็มๆหวานๆ อร่อยไม่เหมือนใคร)

- ต้มยำกุ้งก้ามกรามมะพร้าวอ่อน 290 บาท
ร้านนี้ทำต้มยำที่มีสูตรไม่เหมือนใครดีครับ คือเขาจะใส่เนื้อมะพร้าวอ่อน และใช้น้ำมะพร้าวน้ำหอมมาเป็นส่วนหนึ่งของน้ำซุปด้วย ทำให้รสชาติของน้ำต้มยำไม่เผ็ดแรงจนเกินไป มีความหอมและหวานของน้ำมะพร้าวร่วมอยู่ด้วย ส่วนกุ้งจะใช้กุ้งก้ามกรามไซต์กลางๆ ผ่าครึ่งใส่มา ทำให้เวลาทานก็สะดวกดี แกะกุ้งง่าย

-ส้มตำสาหร่ายพวงองุ่น 180 บาท
เป็นเมนูฟิวชั่นแปลกใหม่ ที่เพิ่งเคยลองทานแล้วชอบมาก ก็คือเป็นส้มตำไทย มาฟิวชั่่นกันกับสาหร่ายพวงองุ่น เวลาทานคู่กันจะได้สัมผัสกรุบกรอบของตัวสาหร่ายและพอได้น้ำส้มตำผสมเข้าไป ก็เลยกลายเป็นส้มตำไทยที่อร่อยขึ้นมากเลย (ปกติเคยทานแต่สาหร่ายพวงองุ่นเปล่าๆ พี่สาวเคยซื้อมาให้ลองกัน รสมันออกเค็มๆปะแล่มๆ กินแล้วไม่ค่อยชอบเท่าไร) พอมาฟิวชั่นกันกับส้มตำแล้วมันเข้ากันมากๆเลยนะ จานนี้ต้องมาโดนกันครับ

- ข้าวผัดปู (ไซต์กลาง) 150 บาท
ข้าวเม็ดร่วนดีอร่อยมาก สั่งไซต์กลางมาแต่เสิร์ฟมาจานใหญ่มากเยอะมากเลย ตอนแรกนึกว่าสั่งผิดเป้นไซต์ใหญ่ แต่จานไซต์นี้ในราคา 150 บาทนี้ถือว่าคุ้มค่ามากๆ และจุดเด่นคือที่ร้านบอกว่าปูที่เอามาใส่ในข้าวผัดจะเป็นปูที่นึ่งและแกะเองจากสดๆ ทำให้ได้เนื้อปูเน้นๆ (สมัยนี้มันมีปูก้อนขายเป็นถุงๆ ร้านที่มักง่ายเน้นสะดวกหน่อย ก็มักจะไปซื้อปูก้อนที่แกะไว้แล้วขายตามตลาดสด มาใส่ในข้าวผัดกัน)

[Dessert]
- เฉาก๊วย 40 บาท
เฉากีวยที่นี้เป็นรูปทรงหกเหลี่ยม ตัวเฉาก๊วยมีความหนึบหนับกำลังดี สีออกน้ำตาลเข้มๆ แต่ไม่ดำเหมือนร้านทั่วๆไป
-สาคูแคนตาลูป 40 บาท
แคนตาลูปที่ตักมาเป็นทรงกลมพร้อมสาคูต้มจนได้ความนุ่มกำลังดี รสชาติกลางๆครับ


ทางร้านแจ้งว่าอาหารทั้งหมดจะไม่ใส่ผงชูรสเลย และเชฟมีหลายคน แต่ละคนมีหน้าที่ทำอาหารเฉพาะส่วนๆไป พอได้ฟังสตอรี่และที่มาของอาหารแต่ละอย่างจากร้านจากปากเจ้าของ (พี่ทิพ) แล้วก็อึ้งกันมากเพราะไม่เคยได้ยินร้านไหนใส่ใจในทุกกระบวนการ ก่อนจะเปิดร้านขนาดนี้ ตอนมาทานพี่เขาบอกว่าร้านเปิดได้ประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมานี้เอง แต่ก่อนเปิดมีการเทรนพนักงานล่วงหน้าเป็นเดือนๆ เทรนเชฟก่อนเปิดร้านล่วงหน้า 2-3 เดือน สุดยอดมากๆ

ทางร้านทะเลทิพ ไม่เน้นขายสุรา เหล้า ไวน์ นะครับ (เขาบอกไม่ค่อยสนับสนุนให้คนกินสุรากัน) แค่มีเบียร์ขายนิดหน่อย แต่ถ้าลูกค้าจะหิ้วสุรามาทานกันที่ร้านก็ได้ ไม่คิดค่าเปิดขวดใดๆ

ก่อนกลับเห็นมีรูปภาพวาดการ์ตูนผู้ใหญ่มากับทุ่งหมาเมิน ของคุณชัย ราชวัตร ติดอยู่ที่ฝาผนังของร้านด้วย เขียนรูปเป็นผู้ใหญ่มากับไอ้จ่อยยืนคู่กันพร้อมยกนิ้วโป้งเหมือนคนกดไลท์ โดยมีคำบรรยายว่า "ไม่เคยมาทะเลทิพ อย่าคุยว่ารู้จักร้านอร่อย" ถามไปถามมาถึงทราบว่าคุณชัย ราชวัตร มาตีกอล์ฟที่สนามกอล์ฟใกล้ๆนี้แล้วแวะมาทานอาหารที่ร้าน ด้วยความที่ชอบมากเลยวาดรูปการ์ตูนการันตีความอร่อยให้กับทางร้านไว้ด้วย

ใครอ่านรีวิวนี้จบแล้ว ผมว่าหลายๆคนต้องสนใจอยากมาลองแน่ๆ ร้านทะเลทิพ คลอง4 เปิดทุกวันตั้งแต่ตอนเที่ยง - 4ทุ่มครับ มาลองทานสักครั้งแบบผมแล้วอาจจะติดใจเหมือนผมก็ได้


ต้มยำกุ้งก้ามกรามมะพร้าวอ่อน
เป็นรูป: อาหาร

ข้าวผัดปู
เป็นรูป: อาหาร

แกงส้มไข่ปลาริวกิว
เป็นรูป: อาหาร

ออส่วนนิ่ม
เป็นรูป: อาหาร

ส้มตำสาหร่ายพวงองุ่น
เป็นรูป: อาหาร

อร่อยหลากหลายที่ทะเลทิพ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 1
(14 พ.ค. 2016 ตอน 14:27 น)
ร้านอาหารทะเลดี๊ดี สด สะอาด อร่อย ใส่ใจลูกค้า @ "ทะเลทิพ"คลอง 4
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

มีโอกาสไปไกลถึงคลองสี่ กับร้านอาหารที่พลาดไม่ได้ "ทะเลทิพ" ครับ
เป็นร้านอาหารทะเลที่มีเด็ดคือ เจ้าของร้านนี้ (คุณทิพ) เป็นดีลเลอร์ที่ส่งอาหารทะเลให้กับโรงแรมชื่อดังครับ ไหนๆก็ส่งแล้ว ทำเองด้วยเลยดีกว่า ดังนั้นคุณภาพของวัตถุดิบ บอกเลยว่าไม่ผิดหวังครับ
ตัวร้านเป็นบ้านเรือนไทยดัดแปลงครับ มีห้องแอร์ให้บริการ หรือท่านใดที่พาสัตว์เลี้ยงมาด้วย ทางร้านก็มีโซนเอ้าท์ดอร์สำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะครับ
สำหรับเมนูแนะนำที่ห้ามพลาดสำหรับการมาทานที่รานทัเลทิพก็ได้แก่ "แกงส้มหน่อไม้ไข่ปลาริวกิว" โดยไข่ปลาริวกิวมาเป็นเม็ดใหญ่ๆนะครับ ไม่ได้มาแบบเป็นพวง แกงแบบโบราณโดยใช้น้ำส้มจี๊ดแทนน้ำมะขาม หน่อไม้ดองหั่นเป็นชิ้นบางๆทานง่าย รสชาติเปรี้ยวนำตามด้วยเผ็ดร้อน อร่อยมากๆครับ
หรือท่านไหนเป็นคอต้มยำ ก็ขอแนะนำต้มยำกุ้งมะพร้าวอ่อน ที่ใช้น้ำมะพร้าวน้ำหอมพร้อมเนื้อมะพร้าวเป็นน้ำซุป ใส่กุ้งก้ามกรามไซส์ใหญ่แต่ผ่าครึ่งเพื่อความสะดวกในการรับประทาน และใส่เห็ดออรินจิแทนเห็ดฟางเพราะมีรสชาติเข้มข้นกว่า ขอบอกเลยว่าจานนี้รสชาติแปลกใหม่ครับ ซดน้ำต้มยำแล้วจะได้กลิ่นหอมของน้ำมะพร้าวด้วย
เมนูอื่นๆที่ควรแก่การสั่งก็มี "ส้มตำสาหร่ายพวงองุ่น" ที่นำสาหร่ายพวงองุ่นมาแช่น้ำจนกรุบกรอบ ทานคู่กับน้ำส้มตำรสแซ่บ หรือ ปลาแรดทอดน้ำปลา ที่ใช้ปลาแรดตัวขนาดหนึ่งกิโล ทอดจนเหลืองหอมด้วยน้ำมันที่เปลี่ยนใหม่ทุกวันครับ
และทางร้านทะเลทิพ จะไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นะครับ แต่ท่านสามารถนำมาเองได้ โดยทางร้านไม่คิดค่าเปิดขวดครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
http://goo.gl/Ws7ymd
ขอบคุณครับ


บรรยากาศดีน่านั่งแอร์เย็นฉ่ำ ชื่นใจ เลย มีสองชั้นครับเลือกกันได้ตามสบาย บริการดีมาก
เป็นรูป: บรรยากาศ

[ต้มยำกุ้งก้ามกรามมะพร้าวอ่อน] ราคา 290 บาท เป็นต้มยำที่ใช้น้ำมะพร้าวเป็นน้ำซุป ! ...จึงได้กลิ่นหวานหอมจากมะพร้าวน้ำหอม สำหรับกุ้งใช้กุ้งก้ามกรามไซส์ใหญ่ ผ่าครึ่งเพื่อความสะดวกในการทาน และไม่ใส่เห็ดฟางแต่ใส่เห็ดออรินจิเพราะมีรสชาติอร่อยกว่า
เป็นรูป: อาหาร

[ออส่วนนิ่ม] ราคา 220 บาทครับ เสิร์ฟมาบนเตาทองเหลืองหรูหราดูดีมากๆ พร้อมกับซอสพริกศรีราชาและจิ๊กโฉ่วสำหรับเมนูนี้เป็นออส่วนหอยนางรมกับหอยเชลล์ หอยตัวใหญ่ ...รสชาตินุ่มเนียน รสสัมผัสตัวแป้งจะหนุบหนับ
เป็นรูป: อาหาร

[แกงส้มไข่ปลาริวกิว] ราคา 350 บาทครับ รสชาติเปรี้ยวนำจากน้ำส้มจี๊ด ใช้ส้มจี๊ดแท้ๆจากภาคใต้ไม่ใส่น้ำมะขาม ใส่น้ำตาลปี๊บ ให้ความหวานแทนน้ำตาลทรายขาวที่ทำลายสุขภาพกว่า และใส่หน่อไม้ดองหั่นบาง ไม่มีเสี้ยนมากวนใจ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 3
(22 เม.ย. 2016 ตอน 17:23 น)
ซูชิร้านเล็กๆ ในศูนย์อาหาร แต่ชิ้นปลาไม่เล็กเลยนะฮ๊าบบ
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

ได้ผ่านไปยังศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ครั้งล่าสุด ไปลองร้านซูชิเล็กๆร้านนึง แต่อร่อยและปลาดิบชิ้นใหญ่ ได้ใจมากๆ เลยอยากจะมาแนะนำกันครับ ชื่อร้าน ข้าวนิ่มซูชิ เป็นบู๊ธเล็กๆบูธหนึ่งในศูนย์อาหาร แต่เดินผ่านแล้วดูขนาดของชิ้นปลา แล้วแอ๊ะใจ...มันใหญ่ปิดข้าวเกือบทุกชิ้นเลย ดูราคาแล้วก็ตกชิ้นละ 10-15-20 เอง มีบางชิ้น 30 บาทแต่ก็น่าลองมาก
เลยขอลองดูสักหน่อยละกัน ร้านนี้จะเป็นสไตล์แบบหยิบคีบเอง เดินเข้าไปร้านก็บอกพนง.ได้เลยว่า จะใส่จานกินในศูนย์ หรือจะใส่กล่องกลับบ้าน

เมนูที่ชิมแล้วอยากแนะนำคือ
- แซลมอนห่อไข่ปลา 30 บาท [เป็นแซลมอนชิ้นหนาท็อปปิ้งด้วยไข่แซลมอนด้านบน มีข้าวก้อนเล็กอยู่ข้างใน ฟินมากๆชิ้นนี้]
- ซูชิหอยเชลล์ 20 บาท [เป็นสไตล์มากิ แต่ใส่หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวย่อมๆมา 2-3ชิ้น ปกติร้านระดับนี้ไม่ค่อยเจอหอยเชลล์เท่าไรนัก]
- ไข่หวานแซนวิช 15 บาท [เป็นไข่หวานที่หั่นเป็นชิ้นๆเหมือนแซนวิช ใส่ไข่กุ้งไว้ด้านใน]
- ซูชิหน้าหมึกทาโกะกรอบ 20 บาท [เป็นมากิ ท็อปปิ้งด้วยทาโกะจัง หมึกปรุงรสเข้มข้น]
- ซูชิท้องปลาแซลมอนย่าง 20 บาท [เป้นส่วนท้องปลาแซลมอนเอาไปเบิร์นให้สุกกำลังดี อร่อยเยิ้มๆ]
- ซูชิหน้าปลาไหลย่าง 20 บาท [เมนูปลาไหลย่าง ก็เป้นเมนูที่ไม่ค่อยเห็นร้านแนวนี้เอามาขายเท่าไร ก็อร่อยดีแต่ราดน้ำซอสหวานมาน้อยไปนิด ยังไม่ฟินเท่าไร]
- มีแซลมอน ซาชิมิ ขายด้วย มี 2 ไซต์ กล่องใหญ่ กะกล่องเล็ก เห็นขนาดชิ้นปลาแล้ว ต้องบอกว่าสุดคุ้ม
กล่องเล็ก จะมีแซลมอน 10 ชิ้น 120 บาท
กล่องใหญ่ จะมีแซลมอน 14 ชิ้น 160 บาท

ผมว่าด้วยขนาดของชิ้นปลาดิบที่ให้มา กับราคาแค่นี้ คือบอกได้คำเดียว สุดคุ้มครับ ใครๆที่ชอบไปกินบุฟเฟ่ต์แซลมอน หัวละ 499 , 599 บาท อยากให้มาลองร้านนี้กัน บางทีคุณคีบใส่จาน กินพอๆกะตอนไปร้านบุฟเฟ่ต์ แต่ราคาของร้านนี้ อาจทำให้จ่ายได้ถูกกว่าแบบไปกินร้านบุฟเฟ่ต์อีกซะด้วยนะ

ลองคุยกะคนขาย เขาบอกว่าที่ร้านสั่งปลาแซลมอนสด มาแล่เองที่ร้านทุกวัน (ช่วงบ่ายๆร้านจะแล่แซลมอนทั้งตัว ออกมาเป็นชิ้นๆยาวๆ ก่อนจะเอาไปหั่นเป้นคำๆ อีกทีนึง ร้านบอกว่าเน้นความคุ้มค่าให้ลุกค้าได้ทานแบบจุใจ ไม่เน้นกำไรมากมายนัก (คือตั้งราคาไว้ไม่สูง แต่อยากให้ลูกค้าสามารถหาแซลมอนทานได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และกลับมาทานบ่อยๆได้ ประมาณนั้น)

ใครสนใจ ลองไปโดนสักหนครับ ร้านข้าวนิ่มซุชิ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ เซ็นเตอร์ ด้านหลังห้าง N-Mark Plaza บางกะปิ (ตรงข้ามกะ The mall บางกะปิ นั้นแหละ)


ซูชิตักเคีบเอง อยากกินขิ้นไหนตักเลย
เป็นรูป: อาหาร

ซูชิไข่ปลาแซลมอน
เป็นรูป: อาหาร

แซลมอน๙าชิมิ จานใหญ่ 14 ชิ้นในราคาเพียง 160 บาท คุ้มเว่อร์
เป็นรูป: อาหาร

ซูชิแซลมอนอะไรกัน ปิดข้าวซะมิดเลย ในราคาแค่ 20 บาท
เป็นรูป: อาหาร

อยากได้ชิ้นไหน คีบเลย
เป็นรูป: อาหาร

จำพิกัดเอาไว้ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ตรงข้ามเดอะมอลล์บางกะปิ
เป็นรูป: บรรยากาศ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 2
(22 เม.ย. 2016 ตอน 17:23 น)
ซูชิร้านเล็กๆ ในศูนย์อาหาร แต่ชิ้นปลาไม่เล็กเลยนะฮ๊าบบ
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

ได้ผ่านไปยังศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ครั้งล่าสุด ไปลองร้านซูชิเล็กๆร้านนึง แต่อร่อยและปลาดิบชิ้นใหญ่ ได้ใจมากๆ เลยอยากจะมาแนะนำกันครับ ชื่อร้าน ข้าวนิ่มซูชิ เป็นบู๊ธเล็กๆบูธหนึ่งในศูนย์อาหาร แต่เดินผ่านแล้วดูขนาดของชิ้นปลา แล้วแอ๊ะใจ...มันใหญ่ปิดข้าวเกือบทุกชิ้นเลย ดูราคาแล้วก็ตกชิ้นละ 10-15-20 เอง มีบางชิ้น 30 บาทแต่ก็น่าลองมาก
เลยขอลองดูสักหน่อยละกัน ร้านนี้จะเป็นสไตล์แบบหยิบคีบเอง เดินเข้าไปร้านก็บอกพนง.ได้เลยว่า จะใส่จานกินในศูนย์ หรือจะใส่กล่องกลับบ้าน

เมนูที่ชิมแล้วอยากแนะนำคือ
- แซลมอนห่อไข่ปลา 30 บาท [เป็นแซลมอนชิ้นหนาท็อปปิ้งด้วยไข่แซลมอนด้านบน มีข้าวก้อนเล็กอยู่ข้างใน ฟินมากๆชิ้นนี้]
- ซูชิหอยเชลล์ 20 บาท [เป็นสไตล์มากิ แต่ใส่หอยเชลล์ญี่ปุ่นตัวย่อมๆมา 2-3ชิ้น ปกติร้านระดับนี้ไม่ค่อยเจอหอยเชลล์เท่าไรนัก]
- ไข่หวานแซนวิช 15 บาท [เป็นไข่หวานที่หั่นเป็นชิ้นๆเหมือนแซนวิช ใส่ไข่กุ้งไว้ด้านใน]
- ซูชิหน้าหมึกทาโกะกรอบ 20 บาท [เป็นมากิ ท็อปปิ้งด้วยทาโกะจัง หมึกปรุงรสเข้มข้น]
- ซูชิท้องปลาแซลมอนย่าง 20 บาท [เป้นส่วนท้องปลาแซลมอนเอาไปเบิร์นให้สุกกำลังดี อร่อยเยิ้มๆ]
- ซูชิหน้าปลาไหลย่าง 20 บาท [เมนูปลาไหลย่าง ก็เป้นเมนูที่ไม่ค่อยเห็นร้านแนวนี้เอามาขายเท่าไร ก็อร่อยดีแต่ราดน้ำซอสหวานมาน้อยไปนิด ยังไม่ฟินเท่าไร]
- มีแซลมอน ซาชิมิ ขายด้วย มี 2 ไซต์ กล่องใหญ่ กะกล่องเล็ก เห็นขนาดชิ้นปลาแล้ว ต้องบอกว่าสุดคุ้ม
กล่องเล็ก จะมีแซลมอน 10 ชิ้น 120 บาท
กล่องใหญ่ จะมีแซลมอน 14 ชิ้น 160 บาท

ผมว่าด้วยขนาดของชิ้นปลาดิบที่ให้มา กับราคาแค่นี้ คือบอกได้คำเดียว สุดคุ้มครับ ใครๆที่ชอบไปกินบุฟเฟ่ต์แซลมอน หัวละ 499 , 599 บาท อยากให้มาลองร้านนี้กัน บางทีคุณคีบใส่จาน กินพอๆกะตอนไปร้านบุฟเฟ่ต์ แต่ราคาของร้านนี้ อาจทำให้จ่ายได้ถูกกว่าแบบไปกินร้านบุฟเฟ่ต์อีกซะด้วยนะ

ลองคุยกะคนขาย เขาบอกว่าที่ร้านสั่งปลาแซลมอนสด มาแล่เองที่ร้านทุกวัน (ช่วงบ่ายๆร้านจะแล่แซลมอนทั้งตัว ออกมาเป็นชิ้นๆยาวๆ ก่อนจะเอาไปหั่นเป้นคำๆ อีกทีนึง ร้านบอกว่าเน้นความคุ้มค่าให้ลุกค้าได้ทานแบบจุใจ ไม่เน้นกำไรมากมายนัก (คือตั้งราคาไว้ไม่สูง แต่อยากให้ลูกค้าสามารถหาแซลมอนทานได้ในราคาที่ไม่แพงจนเกินไป และกลับมาทานบ่อยๆได้ ประมาณนั้น)

ใครสนใจ ลองไปโดนสักหนครับ ร้านข้าวนิ่มซุชิ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ เซ็นเตอร์ ด้านหลังห้าง N-Mark Plaza บางกะปิ (ตรงข้ามกะ The mall บางกะปิ นั้นแหละ)


ซูชิตักเคีบเอง อยากกินขิ้นไหนตักเลย
เป็นรูป: อาหาร

ซูชิไข่ปลาแซลมอน
เป็นรูป: อาหาร

แซลมอน๙าชิมิ จานใหญ่ 14 ชิ้นในราคาเพียง 160 บาท คุ้มเว่อร์
เป็นรูป: อาหาร

ซูชิแซลมอนอะไรกัน ปิดข้าวซะมิดเลย ในราคาแค่ 20 บาท
เป็นรูป: อาหาร

อยากได้ชิ้นไหน คีบเลย
เป็นรูป: อาหาร

จำพิกัดเอาไว้ ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ตรงข้ามเดอะมอลล์บางกะปิ
เป็นรูป: บรรยากาศ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 4
(19 เม.ย. 2016 ตอน 16:35 น)
แวะมากี่ครั้งก็ไม่ผิดหวังเลย กับร้าน "จินดา คาบาน่า" @สามพราน นครปฐม
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

สวัสดีครับ วันนี้มารีวิวอีกแล้ว ที่ร้าน จินดาคาบาน่า ครับ
พอดีได้ข่าวมาว่า ทางร้านปรับปรุง และเพิ่มเมนูใหม่ๆหลายแบบ จึงพลาดไม่ได้ต้องมาลิ้มลองซักหน่อยครับ

เดิมทีจินดาคาบาน่าเป็นร้านอาหารป่านะครับ เมนูใหม่ที่เพิ่มเติมเข้ามาได้แก่ "ก๋วยเตี๋ยวปากอ้าขาห้อย" และ เมนูสเต็กครับ

มาลองก๋วยเตี๋ยวกันก่อนเลยครับ นั่งทานกันตรงริมคลองเลย เป็นม้านั่งยกสูง เลยเรียกชื่อว่า ขาห้อย ครับ
ตัวก๋วยเตี๋ยวมีหลายรูปแบบให้เลือกนะครับ แต่ทีเด็ดคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำแบบโบราณสูตรถั่วคั่วครับ
มีชื่อให้เรียกตามระดับความเผ็ดนะครับ ลองสอบถามทางร้านดูก่อน แต่เครื่องก๋วยเตี๋ยวเด็ดมากจริงๆ
ทั้งหมูสับ หมูเด้ง หมูบะช่อ หรือเครื่องทะเลก็มีนะครับ
พี่ที่ไปด้วยกันสั่ง "ก๋วยเตี๋ยว รด." ครับ เป็นบะหมี่ต้มยำ ระดับความเผ็ดพริกหนึ่งช้อนครึ่ง
ส่วนของผมเป็น"ก๋วยเตี๋ยวกันตวิชญ์" เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นเล็ก ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้นหมูเด้ง ไม่ใส่พริกเลยครับ
(ที่ชื่อว่า กันตวิชญ์ เพราะเป็นชื่อรร.อนุบาลที่คนนครปฐมรู้จักกัน หมายถึงก๋วยเตี๋ยวไม่ใส่พริกนั่นเองครับ เด็กน้อยม๊ากก 55+)

มาต่อกันที่เมนูสเต็กครับ ทางร้านจินดาคาบาน่า สั่งเตาย่างเนื้อมาจากเมืองนอกเลยนะครับ รับประกันความอร่อยครับ
เมนูแนะนำคือ "สเต็กทีโบนริมโขง" ที่นำเนื้อส่วนทีโบนมากริลล์จนสุก เสิร์ฟพร้อมกับข้าวเหนียว ส้มตำ และน้ำพริกหนุ่ม เป็นสเต็กฟิวชั่นลูกครึ่งอึสาน
เนื้อทีโบน ทานเดี่ยวๆก็อร่อยเข้มข้น ทานกับข้าวเหนียวส้มตำก็แปลกไปอีกแบบ แต่ไม่น่าเชื่อว่า เอามาทานกับน้ำพริกหนุ่มแล้วเข้ากันมากๆครับ
หรือ "สเต็กหมูเนยสมุนไพร" ที่นำสันในหมูมากริลล์จนสุก ราดด้วยเนยสดผสมสมุนไพรสูตรเด็ด ทานคู่กับครัวซอง เฟร้นฟราย และสลัดครับ
จบไปอีกทริปฟินๆ สนุกสนานทั้งกิจกกรมที่ทางร้านมีให้เล่นต่างๆและอาหารก็อร่อยคุ้มค่า เห็นว่าเดี๋ยวจะลง ซีฟู๊ดเซตใหญ่อีก
โอ๊ย อยากกลับอีกมากๆครับ เพื่อนพี่น้องที่สนใจและเคยไปมาแล้ว กลับไปอีกรอบรับรองไม่มีเบื่อครับทางร้านอัพเดตอะไรใหม่ๆโอๆ
อยู่เรื่อยๆเลยครับ สนใจสอบถามติดตามได้ที่ทางเพจของทางร้านดูได้เลยครับ

อ่านReview ฉบับเต็มได้ที่
http://goo.gl/GSGLRo
ขอบคุณครับ


การเดินทางก็เดินทางมาที่ซอยพิทักษ์ชัยวิชยานันท์ จุตสังเกตมีปั๊มบางจากอยู่หน้าปากซอยหน้าปากซอยมีป้ายบอกครบครัน ถ้ามาถึงเจอป้ายก็ถูกต้องแล้วแน่นอน เข้าซอยมานิดหน่อยก็จะพบกับหน้าทางเข้าร้านมีฟาร์มน้องแกะย้ายมาอยู่หน้าร้านเลยทีนี้
เป็นรูป: อาหาร

นอกจากน้องแกะหน้าร้านแล้ว พนักงานต้อนรับหน้าร้านครับ ทั้งดูน่ารักทั้งดูกวนๆ 55+
เป็นรูป: อาหาร

มุมมองจากบนเรือคายัคตอนพายครับ สนุก ชิลล์ เพลินมากๆ เกินคุ้มจริงๆ ร้านนี้
เป็นรูป: อาหาร

ค่ำละ ก๋วยเตี๋ยวย่อยแล้วเดี๋ยวเตรียมสั่งสเต็กจากเตาย่างแบบoutdoor เข้าบรรยากาศสุดๆ ดีกว่าครับ
เป็นรูป: อาหาร

"สเต็กหมูเนยสมุนไพร" ราคา 120 บาท!!! โหราคาคุ้มมากเป็น สเต็กสันในหมูชิ้นใหญ่ กริลล์จนสุกหอม ราดด้วยเนยสดผสมสมุนไพร เสิร์ฟพร้อมน้ำเกรวี่ ครัวซอง เฟร้นฟราย และสลัดครับ อร่อยมากๆ แย่งกันทานแปบเดียวหมดได้ไม่กี่รูปเอง55+ คุ้มค่ามากครับ
เป็นรูป: อาหาร
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ

คอมเม้นต์ที่ 3
(15 เม.ย. 2016 ตอน 12:23 น)
ร้านกินลมชมวิวสุดชิลล์ริมน้ำ @จินดาคาบาน่า สามพราน นครปฐม
รสชาติ
บรรยากาศ
บริการ
คุ้มค่า

วันนี้มารีวิวร้านที่เหมาะสำหรับคนชอบกินลมชมวิว ริมคลอง บรรยากาศดีๆห่างไกลเสียงรถราในเมืองกรุง
คร่าวนี้ได้ไปทานร้าน "จินดาคาบาน่า" อีกหนึ่งรอบ เคยมาแล้วเมื่อปีเศษๆที่ผ่านมา ตอนนั้นก็ว่าเจ๋งแล้วนะ ร้านอะไรมีกิจกรรมทางน้ำทั้ง เจ็ตสกี พายเรือคายัค บอลลูนน้ำ เล่นน้ำ แทมโพลีน เลี้ยงแกะ คือมากันได้ทั้งครอบครัวเลย

มาครั้งที่ 2 นี้มีเพิ่มเมนูก๋วยเตี๋ยวปากอ้า ขาห้อย ณ จินดา เพิ่มมาอีก (อารมณ์คล้ายๆก๋วยเตี๋ยวห้อยขา พิษณุโลก ฟิวชั่นกับก๋วยเตี๋ยวดูดี๋ ที่มีชื่อเมนูแปลกๆมีระดับความเผ็ดหลายๆเลเวลให้เลือกสั่ง)
ลองสั่งไป 2 ชาม
>> ชามแรก ของน้อง สั่งก๋วยเตี๋ยวกันตวิชญ์ เป็นเส้นเล็ก ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้นหมูเด้ง ไม่ใส่พริก ชื่อก๋วยเตี๋ยวเป็นชื่อรร.อนุบาลในย่านนครปฐม ราคา 30 บาท (น้องบอกอร่อยมาก ไม่เผ็ดเลย ชอบมาก > ใช่สิก็มันเป็นก๋วยเตี๋ยวระดับอนุบาล เด็กน้อยกินนิหว่า)
>> อีกชาม ของผมเอง สั๋งก๋วยเตี๋ยว รด. ราคา35บาท เป็นบะหมี่ ใส่หมูแดง หมูบด ลูกชิ้น คล้ายๆชามแรก แต่ว่าใส่พริกมา 1ช้อนครึ่ง (คือความเผ็ดมีหลายระดับ เริ่มต้นที่ รด. แล้วก็มีเผ็ดมากขึ้นไปเรื่อยๆ) ชื่อก๋วยเตี๋ยวร้อยตรี >ก๋วยเตี๋ยว Ranger > ก๋วยเตี๋ยวหน่วยซีล > ก๋วยเตี๋ยว Recon และอีก 3-4 ชื่อจำไม่ได้ละ คือเพิ่มเลเวลความเผ็ดไปเรื่อยๆ ราคาอยู่ในช่วง 30 -50 บาท คือถ้าอยู่ใกล้ๆบ้าน ผมนี้คงไปกินประจำเป็นแน่แท้

ความชิลล์ คือมุมสำหรับนั่งทานก๋วยเตี๋ยว ทางร้านทำเป็นที่นั่งวิวริมคลอง ไว้ให้ นั่งทานไป ดูน้ำใสๆ ไหลเย็น บรรยากาศโครตดี

พอทานเสร็จก็เดินเล่น ดูแกะ ดูนก อะไรไปเพลินๆ เห็นมีคนพายเรือคายัคเล่นกันด้วย (คือกิจกรรมทางน้ำ ของร้านบริการฟรี ยกเว้นเจ็ตสกี ที่ต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเช่าเล่น แต่อย่างอื่นฟรีหมด)

มาต่อกันที่ Main Course กันครับ (คนอ่านรีวิวกล่าวในใจ>>นี้แกกิน ก๋วยเตี๋ยวเป็น appetizer เหรอเนี้ย)
เนื่องจากทางร้านเพิ่มเมนูสเต็กมาเพิ่มเติมหลายอย่าง ดูน่าทานมาก มาคราวนี้เลยขอลองแนวสเต็กสักหน่อย
>> Steak T-bone ริมโขง 220 บาท
เป็นสเต็กเนื้อส่วนทีโบน ชิ้นใหญ่พอดู มาพร้อมส้มตำ ข้าวเหนียว และน้ำพริกหนุ่ม ถือว่าเป็นสเต็กลูกครึ่งอีสานฟิวชั่น ที่ลองแล้วชอบมาก ตัวเนื้อสเต็กย่างมาสุกกำลังดีราดน้ำจิ้มแจ่วมา แล้วให้เราหั่นจิ้มกินกับน้ำพริกหนุ่ม ตามด้วยข้าวเหนียว-ส้มตำ แซ่บอีหลี สะใจหลายๆ

>> สเต็กหมูเนยสมุนไพร 120 บาท
จานนี้เป็นหมูส่วนสันใน นำไปกริลล์แล้วท็อปปิ้งข้างบนมาด้วยเนยที่ผสมสมุนไพรมา (ตอนกินจะมีรสคล้ายๆกะเนยกระเทียมด้วยนะ) เสิร์ฟมาพร้อมน้ำเกรวี่ ครัวซองค์ ผักสลัด และเฟรนฟรายด์ มาอย่างละเล็กๆน้อยๆ เสิร์ฟทั้งหมดมาบนกระทะร้อน

>> ไส้กรอกเยอรมัน 180 บาท
เป็นไส้กรอกหมูและไส้กรอกพริกไทดำ กริลล์สุกมา 2 ชิ้น เสิร์ฟพร้อมซาวเคร้าท์(ผักดองแก้เลี่ยน) และครัวซองค์อีก 1 ชิ้น ตอนทานราดมัสตาร์ดอีกนิดหนึ่ง เข้ากันดีนะ

>> ไก่อบสมุนไพร 200 บาท
จานนี้เห็นอยู่ในเมนูแนะนำของร้านเลยลองสั่งมาทานดู เป็นอาหารไทยเหมาะทานแกล้มกะเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีจัง เป็นไก่หมักด้วยเครื่องเทศหลายอย่าง เช่นขมิ้น,รากผักชี ,ตะไคร้,ใบมะกรูด,ข่า,นมสด แล้วน้ำไปอบ รสชาติสมุนไพรเข้าถึงเนื้อดี


ถือว่าเป็นอีกหนึ่งร้านชิลล์ ย่านสามพราม นครปฐม ที่ควรค่าแก่การมานั่งชิลล์ ทานอาหารกัน แผนที่ทางไปร้านก็หาไม่ยากครับ กูเกิลด้วยคำว่า "จินดาคาบาน่า" แล้วก็จะเจอหมุดปัก Google map มาให้เห็นเลย กดจากมือถือให้นำทางไปถึงร้านได้เลย

ร้านนี้เป็น 1 ใน 5 ร้านที่ติดอันดับ ร้านน่านั่งชิลล์ ริมน้ำท่าจีน นครปฐม จากเว็บชิลไปไหน.com อีกด้วย (ลองไปหาบทความอ่านกันดู)


ไส้กรอกเยอรมัน
เป็นรูป: อาหาร

สเต็กหมูเนยสมุนไพร
เป็นรูป: อาหาร

สเต็กทีโบนริมโขง
เป็นรูป: อาหาร

ไก่อบสมุนไพร
เป็นรูป: อาหาร

ก๋วยเตี๋ยวปากอ้าขาห้อย ณ จินดา
เป็นรูป: อาหาร

เตียงผ้าใบริมน้ำ ของร้านจินดาคาบาน่า
เป็นรูป: บรรยากาศ
แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ
คนรักความยุติธรรม
(ไม่ใช่สมาชิก)

คอมเม้นต์ที่ 2
(4 เม.ย. 2016 ตอน 00:41 น)
งานบริการที่น่าสงสาร

วันนี้ผมไปทานอารที่ร้านนี้มาเจอยายป้าหรือคนบ้าต่อว่าน้องๆที่บริการน่าสงสาร
ไม่พึงสังวอนตัวเองเลยคิดแค่ว่าตนเองเป็นลูกนึกจะว่าใครก็ได้มันไม่สมควรออกมาจากมารยาทแย่ๆของคนๆหนึ่งเอง.....เป็นกำลังใจให้น้องๆๆที่รักงานบรการน่ะครับ

แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ
คนรักความยุติธรรม
(ไม่ใช่สมาชิก)

คอมเม้นต์ที่ 1
(3 เม.ย. 2016 ตอน 22:04 น)
คนไม่ได้เอาตูดมา

Catty Pretty A&Wสาบา ปตท.ถ.รามคำแหง สุขาภิบาล3 พนง. คุณวิราวรรณ ไล่ให้ไปนั่ง หลังจากสั่งอาหารเสร็จ แต่ดิฉันต้องการสั่งอาหารต่อ เลยขยับออกจาก เคาว์เตอร์ แล้วยืนดูเพื่อจะสั่งต่อ บอกขอยืนแล้วกัน พนง.สวนว่า คนอื่นก็มีมารยาท ไปนั่งกันทั้งนั้นแหละ (เวลา 19.20น.

แสดงความเห็นเกี่ยวกับรีวิวข้างบนนี้ (ไม่เกิน 255 ตัวอักษร)
กรุณา Login ก่อน เพื่อแสดงความเห็นค่ะ
Showing 21-40 from 309 total
Submit feedback to KinnShare
ถ้าคุณต้องการส่ง Feedback ให้ทางทีมงานกินแชร์, แจ้งปัญหาการใช้งานหรือบั๊กของระบบ หรือพบข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง คุณสามารถใช้แบบฟอร์มข้างล่างนี้ติดต่อกับเราได้เลยค่ะ
submitting ...