คอมเม้นต์รีวิวทั้งหมด
ค้นหาคอมเม้นต์ที่คุณต้องการ
ได้มีโอกาสแวะไปซอยทองหล่อ 10 อีกครั้ง คราวนี้ได้แวะร้าน เคบับสไตล์เยอรมัน-ตุรกีแท้ๆ
ร้านอยู่ทางเข้าลานจอดรถของตึก The OPUS ซึ่งถ้าเข้ามาจากปากซอยทองหล่อ10
ก็ไม่ถึง100เมตรซ้ายมือเลยครับ จะเห็นเป็นบาร์เล็กๆน่ารักๆสีแดงเด่น เลยครับ
หน้าเคาท์เตอร์ร้านมี ใบorderให้ติ๊กสั่งตามความต้องการได้เลยครับ
มีโต๊ะกลมถ้าช่วงเย็นๆคงนั่งชิลล์ๆได้อยู่ และฝั่งตรงข้ามก็มีที่นั่งรับรองเพิ่มอีก 3 โต๊ะครับ
ที่ลองได้ทานกับชาวแก๊งเป็น set combos ...
'Greek Salad' + 'Apple Tea' = 139 บาท คุ้เมค่ามากครับ ตัวกรีกสลัด
ผมว่าไม่แพงเลยสำหรับร้านในย่านนี้แถมมีชุดCombosรวมกับเครื่องดื่มก็แค่ 139 บาทเท่านั้น
คุ้มค่ามากๆเสิร์ฟพร้อมน้ำสลัดสำหรับกรีกสลัดจานนี้เป็นกรีกบัลซามิกที่มีส่วนผสมของน้ำมันมะกอก
ดีต่อสุขภาพมากส่วนประกอบในจานนี้ได้แก่ ไก่เคบับนุ่มหอมอร่อย สไตล์ตุรกีแท้ๆ
เป็นเนื้อไก่หมักเครื่องเทศย่าง เฟต้าชีส ผักสลัดก็มี มะกอกดำ มะเขือเทศราชินี หอมใหญ่
และผักสลัดโรเมน(ผักกาดคอส)ทานคู่กับน้ำสลัดแล้วเข้ากันมากๆครับ
ผักสดกรอบ เนื้อไก่หอมนุ่ม ชีสเฟต้าเข้มข้น เข้ากันดีทุกอย่างมากๆ ชอบเลยครับ
ชาแอปเปิ้ลรสชาติก็อืมม์กำลังดีไม่ปรุงรสให้หวานจัดอะไรเท่าไหร่คงเน้นสุขภาพจริงๆ
'The Romano Doner Kebab' + 'Lemon Tea' = 129 บาท
ปกติเปิดห่อถือทานงับๆได้เลยครับแต่นี่รีวิวดูไส้ในกันหน่อย... มีแต่ของดีๆทั้งนั้นเลย
เคบับไก่ ใส่ผักย่างต่างๆมะกอกดำ ชีสมอซซ่าเรล่า(หอมแน่นเยอะมากๆ) ซอสโพโมโดโร
สไตล์อิตาเลียน ครับ อร่อยติดใจ ห่อเดียวไม่พอ 55+
ส่วนชาดำตุรกีกลิ่นเลม่อนครับ ราคาเท่ากันลักษณะคล้ายๆชามะนาวบ้านเรา
แต่ชาหรือกาแฟสไตล์ตุรกีหรือแถบอาหรับเนี่ย ค่อนข้างจะเข้มและมีกลิ่นเฉพาะตัวครับ
ผมว่าพอเอามาผสมให้มีรสเปรี้ยวนิดๆแล้วกินกับอาหารของเค้าอร่อยมากครับ
และ'Best Dressed Fries' ราคา 129 บาท ถ่ายมาเหมือนไม่ใหญ่แต่ถ้วนเบิ้มลึกพอสมควรครับ
คลุกดูข้างล่างจะเป็นเฟรนฟรายด์ ที่มาพร้อมเนื้อไก่เคบับ สลัดผักออกานิค เฟต้าชีส มะกอกดำ
พริกหวานหั่นมะเขือเทศ คลุกกับซอสGarlic Aioli...รสชาติดีมากๆ
ชามนี้คือถ้าไม่กินจุเกินไปนี่อิ่มท้องสบายๆครับ อร่อยมากๆ
และยังฟินอิ่มอร่อยเลยสั่งกลับบ้านให้ที่บ้านได้ลองทานด้วย
เป็น 'Chicken Kebab Rice' + 'Mint Ayran(Salty)' = 139 บาทครับ
เป็นข้าวไก่เคบับ สไตล์ฝรั่งเศส มีข้าว saffron (สีเหลืองๆคล้ายข้าวอินเดีย)
พร้อมไก่เคบับ อโวคาโด้หั่นเต๋า(ชอบมาก) ผักสลัดออกานิคอีกนิดหน่อยพร้อมซอสGarlic Aioli
Mint Ayran สีน่าทานม๊ากกกก แต่รสชาตินี่คงไม่ถูกปากคนไทยอย่างผมครับ
แต่พี่ชอบ อยากรู้ต้องลองครับศึกษาสักนิดก่อนสั่งด้วยครับแก้วนี้555+ แต่ก็ดีต่อสุขภาพขิงๆแก้วนี้
สรุปแล้วก็ฟินๆกันไปอย่างไม่น่าเชื่อกับการได้ลองทานเคบับสไตล์แท้ๆ แถมยังเพื่อสุขภาพอีกตังหาก
แป้งเคบับบางกำลังดีหรอบหอมอร่อยมากๆ ซื้อฝากที่บ้านกว่าจะถึงไม่กรอบแล้วยังชมกันว่าอร่อย
นี่ถ้าอยู่ใกล้บ้านนี่คงได้เลิกสั่งพิซซ่าแน่ๆเลย เพื่อนพี่น้องถ้าแวะผ่านไปหรืออยู่แถวนั้นต้องลองครับ
เห้นว่าทางร้านมีdeliveryส่งแถวๆนั้นด้วยบริการได้ถึงแถวTerminal21 BTSอโศกเลยมั้งรู้สึก
ถ้ายังไงลองติดต่อสอบถามทางเพจของร้าน...ดูเพิ่มเติมนะครับ
รสชาติอร่อยทีเดียวคับ เน้นมาทานอาหารจานเดียว จัดจานได้สวยมากๆ รสชาติจะออกแนวหวานนิดนึง แต่รวมๆ ก็อร่อย พวกอาหารแนะนำเค้าผมว่าอร่อยทุกอย่างเลย
แนะนำ หมูคำหวาน เป็นคอหมูย่างราดซอสน้ำยำ หมูนุ่มดี ซอสอร่อย
อาหารอร่อยใช้ได้เลยคับ บรรยากาศร้านน่านั่งรับแสงพีกผ่อน การจัดอาหารสวยงามเลยทีเดียวคับ สรุป เหมาะแก่การพาคนรู้ใจไปนั่งรับประทานอาหารชิวๆด้วยกันคับ^-^
พูดถึงสาหร่ายเถ้าแก่น้อย คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่ไหมครับ
และตอนนี้คุณต็อบ วันรุ่นพันล้านได้มีโปรเจ็คใหม่นั่นคือ...
ป๊อปคอร์นนั่นเอง ใช่ชื่อว่า "Tob Corn" ป๊อปคอร์นระดับพรีเมียม
ไม่เหมือนป๊อปคอร์นทั่วไปตรงที่ ป๊อปคอร์นยี่ห้ออื่นๆ
จะใช้เมล็ดข้าวโพดที่แตกออกมาเป็นทรงบัตเตอร์ฟลาย
แต่ Tob Corn เมล็ดข้าวโพดจะออกมาเป็นทรงกลมรูปร่างคล้ายเห็ดครับ
ซึ่งเมล็ดข้าวโพดนี้ต้องนำเข้าจากอเมริกาทุกเม็ดเลยทีเดียวและรูปร่าง
ทรงกลมแบบนี้ จะซึมซับรสชาติของเครื่องปรุงได้มากกว่า
ยิ่งได้มาผสมรวมกันวัตถุดิบชั้นเลิศคัดสรรอย่างดีด้วยแล้ว
ป๊อปคอร์นที่ได้มาก็จะกรอบหอมอร่อย รูปร่างสมบูรณ์ทุกเมล็ดครับ
ต้องขอบอกว่าวัตถุดิบเขาคัดมาดีจริงๆ เช่น เครื่องปรุงอย่างชีส
ก็เป็นเชดด้าชีสนำเข้าจากต่างประเทศครับ
Tob Corn ตอนนี้มีทั้งหมด 6 รสชาติด้วยกัน
รส Paris Caramel เนยนำเข้าจากฝรั่งเศส หวานกำลังดี หอมมากๆครับ
แนะนำว่าซื้อกลับบ้านแล้วแช่ตู้เย็นก่อนแล้วมาทานจะอร่อยขึ้นด้วยครับ
รส Nori Teriyaki เป็นสูตรคิดค้นเองเป็นเจ้าแรกเลย หอมกลิ่นสาหร่าย
และซอสเทอริยากิแบบญี่ปุ่น เข้มข้นมากๆครับ ต้องลองเลย
รส Caramel Macadamia ป็อปคอร์นคาราเมลอย่างดี มีแมคคาดาเมียแ
ทบทุกซอกของตัวป็อบคอร์นสะใจเลยครับ
รส Crispy Coconut ป็อปคอร์นคี้ยวมันเพราะแอบมีมะพร้าวฝอยแทรกตัว
รสชาติออกแนวไทยๆเราหน่อยครับแปลกดี
รส Caramel Almond เม็ดอัลมอนด์สะใจแน่นอนครับใครชอบอัลมอนต์
นี่เลือกได้เลยไม่ต้องคิดครับ
รส Strawberry แปลกดีครับรสนี้ออกแนว Candyๆ หวานก็กำลังดี
ไม่หวานแสบจนเกินไป เคลือบเต็มๆทุกเม็ดไม่เหมือนเจ้าอื่นด้วยครับ
และมีให้เลือกสามขนาดคือ S, M และ L ครับ เทียบกับราคาแล้วอาจจะแพง
แต่ถ้าได้ลองเห็นกรรมวิถีการผลิต และได้ลองลิ้มชิมรสชาติแล้วล่ะก็
ราคานี้คุ้มค่าจริงๆครับ สำหรับท่านที่อยากลอง สามารถหาซื้อได้ที่
เถ้าแก่น้อยแลนด์ ชั้น LGTerminal 21 ครับ
ตอนนี้มีราคา 270++ 370++ แล้วปิดท้ายด้วย 499++ คับ
ตอนนี้สาขา Central World แถม สันนอกซูพรีม ราคา 220 บาทให้ลูกค้าทุกท่านที่ไปทาน ราคา 499++ ครับ ^___^
ส่วนตัวผมบอกตรงๆว่า เนื้อที่ได้ทาน คุ้มค่าครับ ^____^
วันที่ไปพอดีเป็นช่วงสงกรานต์ พนักงานมีน้อย ทำให้บริการช้าครับ
แต่ก็อยู่ในเกณฑ์รับได้ ^___^
อ่อลืมไป 499++ นี่มีชาบูด้วยนะครับ
มาเจอร้านนี้พอดีมาทำธุระที่ตึก United นี้
ผมว่าเมนูมันออกแนวๆ OOtoya ดีครับ แต่ราคาถูกกว่า และการตกแต่งข้างในก็ออกแนวมืดๆ ญี่ปุ่น modern ดูสวยดี
สั่งทานแค่เมนูเทมปุระเซ็ต ที่เค้าว่าเป็นอาหารพิเศษประจำเดือน ก็เลยไม่รู้ว่าอย่างอื่นเป็นยังไง แต่เทมปุระผมว่ารสชาติใช้ได้ทีเดียว น้ำจิ้มอร่อยเข้มข้นดี ไม่จืดจางแบบบางที่ แต่พอราคาออกมา 300 นิดๆ (หลังบวก service) ก็แอบเหวอเหมือนกัน ทีแรกเห็นว่ามันแค่ 230 นิ ที่ไหนได้ นั่นราคา ala carte ราคาเซ็ต 290 - -""
คิดว่าวันหลังจะกลับมาลองเมนูอื่นดูครับ ราคาเฉลี่ยก็ประมาณ 230-260 สำหรับเซ็ตนะผมว่า
ร้านนี้อยู่ติดกับกิวโนยะร้านโปรดเลยคับ แถวนี้จะมีร้านสไตล์บาร์แบบเข้าไปนั่งกินแล้วก็ชิ่งอยู่สามเจ้า (อีกเจ้าคือแกงกะหรี่ชินเอม่อน ติดๆ กันเลย)
ผมว่าร้านนี้รสชาติก็โอเคคับ เคยลองราเม็งมะเขือเทศ แต่ผมว่ารสชาติมันก็ไม่ได้มะเขืออะไรขนาดนั้นนะ
รวมๆ ร้านนี้ผมว่าราคาสูงกว่ากินกิวโนยะนิดหน่อย (ราเม็งชามกลางก็ 220 แต่ก็ชามใหญ่พอตัว) รสชาติก็เรียกว่าโอเคใช้ได้คับ ถ้าอยากหาอะไรกินแบบเร็วๆ ก็เป็นอีกทางเลือกนึง
ร้านนี้เห็นเค้าโปรโมตมานานว่า เป็นหมูทอดที่นุ่มระดับใช้ตะเกียบตัดได้
พอมีโอกาสแวะมาแถวนี้บวกกับเป็นช่วงต้นเดือน เลยขอจัดทีครับ (เพราะได้ยินมาว่าแพงมาก)
พอมาเห็นเมนูก็.... แพงจริงๆ ครับ - -"
ซาโบเตนที่ว่าแพงแล้ว ยังถูกกว่าเจ้านี้เป็นร้อยเลย
ดูๆ เมนูเลยตัดสินใจจัดเซ็ตใหญ่ไปเลย เซ็ตไมเซนพรีเมียมมิกซ์ครับ
จะมีหมูสันในชิ้นนึง ไก่ชิ้นนึง แล้วก็กุ้งชิ้นนึง ราคาอยู่ที่ 415 บาท มีข้าว ซุป กะหล่ำ เติมได้ และมีของหวานเป็นคัสตาร์ดหรือไอติม (มีบวก vat เพิ่มอีก 10% - -")
ร้านนี้จะมีซอสเยอะมากครับวางบนโต๊ะให้เลือก แต่จะไม่มีงามาให้บดเองแบบร้านหมูทอดอื่นๆ
ซอสจะมีสองแบบ ทั้งน้ำสลัด ทั้งซอสทงคัตสึ ซึ่งผมว่าซอสมันจะหวานๆ อร่อยดีครับ
ส่วนของของทอด มันก็นุ่มเทพจริงๆครับ ใช้ตะเกียบตัดได้ เค้าเลยเล่นไม่หั่นมาให้เลย - -"
ถึงมันจะนุ่ม แต่มันก็ไม่ได้นุ่มระดับที่ตะเกียบจิ้มแล้วขาดเป็นเต้าหู้ทันที แต่ต้องมานั่งใช้ตะเกียบจิ้มๆๆๆ เพื่อตัดนิดนึง ทำให้แป้งขนมปังมันร่วงระนาวเต็มไปหมด - -"
แต่ผิวสัมผัสของเนื้อนุ่มจริงอะไรจริง หยั่งกะกินหมูสับเลยครับ
ส่วนเรื่องบริการ ผมว่าไม่ค่อยดีเลยครับ เรียกเช็คบิล เรียกสั่งอาหาร ดูมั่วๆ มึนๆ
เห็นพนักงานหลายๆ คนก็ยืนเฉยๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็ยุ่งวิ่งไปมาทำทุกอย่าง และบริการช้ามากกก (อาจจะเป็นเพราะช่วงคนเยอะด้วย) คิดเงิน เงินทอนก็รอเป็นสิบนาที ทั้งๆ ที่จ่ายเงินแล้วพนักงานคนเดิมน่าจะรอเอาเงินทอนมาให้ แต่นี่ เอาเงินไปวางที่แคชเชียร์เสร็จ ก็เดินไปเช็ดโต๊ะต่อ - -"
ผมว่า เนื้อหมูเทพกว่าซาโบเตน ส่วนกะหล่ำ ซาโบเตนซอยดีกว่าหน่อย
แต่ราคาที่เพิ่มเข้ามาเป็นร้อย (หมดไป 475 ครับ หลังจากบวก vat แล้ว) บวกกับบริการที่ไม่ค่อยดี และน้ำก็ไม่รวม ผมว่าไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ครับ
แต่ถ้านานๆ ทีมาลองก็โอนะ
ร้านนี้ถือว่าอร่อยกว่าซูชิตามร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วไปครับ เนื้อปลาสรชาติดีมาก แต่วันที่ผมไปทานนั้นผมรู้สึกว่าข้าวแข็งไปนิดนึงครับ โดยรวมให้ผ่านครับ!
หน้าร้านก็สวยดีค่ะ
โกง point true black card ตัดแต้มเบิ้ล 2 ครั้งและไม่ได้ให้ใบเสร็จเป็นหลักฐาน เหมือนโกงเครื่องดื่มลูกค้าไป 2 แก้ว จนลูกค้าจะทราบเมื่อเอะใจเข้าระบบเพื่อเช็คแต้ม
พอดีว่าหนูต้องทำโปรเจคอยากจะถามว่าเมนูของร้านมีอะไรบ้างหรอค่ะ
ชอบร้านนี้ที่สุดเลยค่ะ อาหารอร่อย ไม่แพง เร็วด้วยค่ะ
สุดยอดร้านสาย Vegan ใจกลางเมืองกรุง "Veganerie" ร้านตั้งอยู่ด้านหลังสวนเบญจสิริครับ
ถ้ามาทางบีทีเอส ออกทางออกที่สองที่อยู่ด้านข้างเอ็มโพเรียม แล้วเดินมาด้านหลัง
ผ่านเอ็มโพเรียมสวีท จะเจอซอยเล็กๆด้านขวามือ เดินเข้าไปนิดเดียวก็เจอร้านแล้วครับ
หรือถ้าชอบความร่มรื่น จะเดินทะลุสวนเบญจสิริ ออกมาทางด้านหลังก็เจอร้านเลยเช่นกันครับ
Veganerie เป็นร้านสายวีแกนแบบจัดเต็ม เนื่องจากเจ้าของร้านเป็นคนที่ทานวีแกนแบบดั้งเดิมซุ่งจะงดทุกอย่างที่เป็นสัตว์และผลผลิตจากสัตว์ด้วยเช่นกัน จึงเข้าใจถึงแก่นความเป็นวีแกน
อาหารทุกจานของที่ร้าน ปรุงสดใหม่ ด้วยวัตถุดิบคัดสรรพิเศษ วีแกนล้วนๆ ทั้งของคาวและของหวาน สำหรับสาวกวีแกน ร้านนี้มั่นใจได้แน่นอนครับ
สำหรับวันที่ไปผมได้ลองทานอาหารหลายอย่าง แต่ที่ประทับใจมากๆคือ Vegan Papaya Salad &Fried Chicken นั่นคือส้มตำกับไก่ทอดแบบวีแกนนั่นเอง
ซึ่งส้มตำก็สามารถสั่งได้นะครับว่าเผ็ดน้อยเผ็ดมาก ส่วนไก่ทอดนั้น แน่นอนว่าไม่ใช่เนื้อไก่จริงๆ แต่เป็นเห็ดไต้หวันที่นำมาผสมกับเครื่องปรุงสูตรพิเศษของทางร้าน
ทอดจนกรอบหอม ทานกับส้มตำอร่อยมากๆครับ
จานแนะนำอีกหนึ่งจานคือ Vegan Pulled BBQ Pork Burger ครับ เป็นเบอร์เกอร์ชิ้นใหญ่ เสิร์ฟพร้อมเฟร้นช์ฟรายโรยผงปาปริก้า และซอสสามแบบครับตัวไส้เบอร์เกอร์ประกอบไปด้วยเห็ด
ซอสบาบีคิว และผักกะหล่ำ ให้มาเยอะมากๆครับ จริงๆทานชิ้นเดียวก็อิ่มได้เลย
และอีกเมนูที่ห้ามพลาดคือ Green Curry & Roti โรตีแกงเขียวหวานแบบวีแกนครับ เป็นแกงเขียวหวานเต้าหู้ เสิร์ฟพร้อมกับโรตีมาเลเซียทอดแบบไร้น้ำมันครับ รสชาติเข้ากันดีมากๆ อันนี้ผมสั่งกลับบ้านอีกหนึ่งชุดเลยครับ
สำหรับเมนูของหวานและเครื่องดื่ม ก็เป็นวีแกนแท้ๆ Brownie Frappe นี่เข้มข้นถึงใจมากๆเลยครับพลาดไม่ได้เลย ต้องลองทั้งหนุ่มๆและสาวๆต้องชอบแน่นอน แม้กระทั่งวิปครีมเองก็ทำจากถั่ว ไอศครีมก็เข้มข้นแบบไม่มีที่ไหนเหมือน สายเบเกอรี่ห้ามพลาดนะครับโดยเฉพาะ Red Velvet Waffles ตัววัฟเฟิลกรอบนอกนุ่มในมีกลิ่นหอมของเบอร์รี่อร่อยมากๆ สีก็สวยสมชื่อน่าทานสุดๆ ท็อปปิ้งด้วยกีวี่และสตอแบรี่สด
เสิร์ฟพร้อมไอศครีมชอคโกแลตสูตรพิเศษแบบโฮมเมต คุ้มค่าฟินมากๆ ขนาดที่ทุกคนบอกอิ่มแล้วยังแย่งกันทานแปบเดียวเกลี้ยงเลยครับต้องไปลองครับ ร้านเปิดให้บริการ ตั้งแต่ สิบโมงเช้าถึงสี่ทุ่มเลยครับปิดวันพฤหัสนะครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่ http://goo.gl/Xqeu5w
บรรยากาศดีริมแม่น้ำปิง ชื่อดังของเชียงใหม่ครับ
จากตัวเมืองเชียงใหม่ตรงมาข้ามสะพานนวรัตน์ จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฎร์
ระหว่างทางจะผ่านร้านอาหารกู๊ดวิวริเวอร์ไซด์ เลยไปประมาณ 500 เมตร
จะพบร้านเวียงจูมออนทีเฮ้าส์สีชมพูเด่นๆอยู่ทางด้านซ้ายมือครับ
มื้อนี้ถือได้ว่ามาเยือนร้านสาขาหลักถึงเชียงใหม่ คุ้มค่า ฟิน สมใจครับ
ร้านนี้เห็นมีเว็บลงไว้ว่าเป็น 1 ใน 10 ที่ต้องไปเมื่อมาเชียงใหม่ด้วยครับ
ก็สมราคาคุยอยู่ครับ บรรยากาศดีมากๆ ถ้าเพื่อนพี่น้องคนไหนยังไม่เคยลองต้องจัดครับ
The Home Shabu & K.Buffet เป็นร้านบุฟเฟ่ต์เกาหลี ที่รวมอาหารเกาหลีหลากหลายชนิด ทั้งบิบิมบับ ต๊อกบ๊อกกี่ หมูผัด บุลโกกิ ไก่ทอดซอสคันจัง สลัดอีก 4-5อย่าง พร้อมชาบูสไตล์เกาหลีที่มีทั้งหมูคุโรบูตะ และเนื้อริบอายออสเตรเลีย กิมจิอีก 4-5ชนิด พร้อมเครื่องเคียง ขนมหวาน บิงซู ไอศกรีมซอฟต์ครีม น้ำอัดลม-ชาข้าวคั่ว-ขาพีช-กาแฟ ทั้งหมดนี้ตักได้ไม่อั้น ในราคาบุฟเฟ่ต์ 499 บาท
ร้านนี้อยู่ถนนราชพฤกษ์ติดกับ KFC drive thru อีกด้านของร้านคือร้านก๋วยเตี๋ยวจักรเพชร ด้านหน้าร้านมีที่จอดรถอยู่เยอะพอควร 15-16 คันได้เลย
ภายในร้านตกแต่งร้านได้สวยดี โซนตรงกลางเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ หลายๆประเภทอาหารให้เลือก ส่วนโต๊ะทานอาหารจะอยู่ด้านซ้ายและด้านในของร้าน ดูไลน์อาหารยังกะร้านอาหารในโรงแรมเลย ดูดีมาก
ที่โต๊ะอาหาร จะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและหม้อชาบูอยู่ แต่ผมมองว่าชาบูของที่นี้เหมือนเป็นของแถมของร้านมากกว่า เพราะว่าอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์นั้นล่อตาล่อใจ และเย้ายวนให้อยากทานมากว่าการแค่มานั่งทานชาบูเฉยๆเหมือนร้านชาบูทั่วๆไป
มาดูไลน์อาหารกัน เริ่มที่ไลน์อาหารคาวตัวหลักก่อน
>มีข้าวยำเกาหลี Bibimbab แบบที่เลือกตักเองได้เลย มีชามเครื่องปรุงต่างๆวางพร้อมไว้อยู่แล้ว เลือกตักข้าว ตักเครื่องปรุงแต่งหน้าได้เองเลย พร้อมราดซอสโคชูจังปิดท้าย เป็นชามที่ชอบอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
>ถัดมาจะเป็นหม้ออุ่นร้อน มีพวกต๊อกบอกกี้ทั้งแบบหวาน และแบบเผ็ด เนื้อบุลโกกิ และ Kimji J Jim(เป็นหมูอบเสิร์ฟพร้อมกับกิมจิ)
>ไลน์ถัดมาเป็นสลัด วันที่ไปทานมีให้เลือกอยู่ 4 อย่าง สลัดผลไม้ซอสงา สลัดไข่ผลไม้ สลัดมะกะโรนี และก็มีข้าวปั้นสไตล์เกาหลีด้วย เรียกว่า จูม๊กบับ
>ไลน์ถัดมา มีซูปกิมจิ , จับเฉ(ผัดวุ้นเส้นสไตล์เกาหลี) , ไก่ทอดซอสคันจัง (อันนี้อร่อยแนะนำเลย) ,ทักไกบิ
>ไลน์ถัดมาเป็นสลัดผัก วันที่ไปมีอยู่ 4 อย่างคือ [แซลมอนสลัด,เฟรนส์สลัด,เน็งเช,ซีซาร์สลัด]
>ไลน์ถัดมาเป็นกิมจิเครื่องเคียง ให้เลือกหลายอย่างเช่น [กิมจิหัวไชเท้า,กิมจิแบบเปรี้ยว,ออมุกโอเด้ง,แตงกวาดอง,พริกดอง,มันฝรั่งผัดแครอท,]
>ไลน์ถัดมาเป็น สำหรับชาบู ซึ่งเป็นพวกเห็ดและผักมากกว่า มีพวกเห็ดออริงงิ,เห็ดเข็มทอง,ฟักทอง,ผักกะหล่ำ,ข้าวโพดหวาน,โอเด้ง,เส้นรามยอง,วุ้นเส้น,ไข่ไก่ เอ่อลืมบอกไป ร้านนี้บุฟเฟ่ต์จะมีเนื้อริบอาย หรือหมูคูโรบูตะมาให้คนละ1จาน(เลือกอย่างใดอย่างนึง) แต่ถ้าต้องการเนื้อแบบไม่อั้น เพิ่มเงินอีก50บาท แต่ผมแนะนำว่าไม่ต้องสั่งเพิ่มหรอก เพราะแค่นี้ก็กินจะไม่หมดอยู่แล้ว หาพื้นที่ว่างในกระเพาะมาลองอาหารให้ครบทุกอย่าง ก็แบบอิ่มตื้อแล้วนะ
>ไลน์ขนมหวาน นี้ก็แบบเยอะมาก ทั้งคุกกี้ เค้ก ทาร์ต บางวันมีมาการองด้วย มีมาร์ชแมลโรล จอลลี่แบร์ ต๊อกคลุกผงถั่ว บราวนี้ และอีกหลายอย่าง รู้ว่าหมวดขนมหวานนี้ แต่ละวันอาจจะแตกต่างกันไปนะ แต่ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือ ที่ร้านมีบิงซูด้วย (น้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี) คือเลือกตักเองได้เลย ใส่ท็อปปิ้งตามชอบได้ไม่อั้นด้วย แถมมีไอติมซอฟต์เสิร์ฟรสวนิลลา กดเองได้อีก ฟินจริงๆเลย2เมนูนี้
สรุปรวมด้วยไลน์อาหาร ที่มีให้เลือกหลายอย่าง กับเวลาในการทาน 2 ชั่วโมงนั้น ก็ถือว่ามีเวลาได้ละเลียดอาหารแต่ละชนิดได้มากพอสมควรเลย แต่หากคุณไม่ใช่สายแข็งในเรื่องบุฟเฟ่ต์ ผมบอกเลยว่าแค่ตักมาชิมอย่างละนิดละหน่อย หนังท้องก็ตึง แล้วละ
ถือว่าบุฟเฟ่ต์ของ The Home Shabu+K.buffet ในราคา 499 บาท กับเวลา 2 ชั่วโมงเต็มๆนี้
ทำให้โอปป้าอย่างเรา ได้ฟินกับอาหารได้อย่างเต็มที่ (ยิ่งเปิดเพลงป็อปเกาหลี ภายในร้านขณะทานไปด้วย นี้ยิ่งได้อารมณ์มากขึ้นไปอีก1สเต็ป)
แนะนำสำหรับคนที่อยากมาลองทานอาหารเกาหลีแบบหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า