คอมเม้นต์รีวิวทั้งหมด
ค้นหาคอมเม้นต์ที่คุณต้องการ
อาหารอร่อยใช้ได้เลยคับ บรรยากาศร้านน่านั่งรับแสงพีกผ่อน การจัดอาหารสวยงามเลยทีเดียวคับ สรุป เหมาะแก่การพาคนรู้ใจไปนั่งรับประทานอาหารชิวๆด้วยกันคับ^-^
รีวิวร้านเนื้อย่างเปิดใหม่ ย่านวัชรพล ร้านเดอะแกรนด์ บาร์บีคิว The Grand BarBQ เป็นร้านเนื้อย่างระดับพรีเมี่ยมสไตล์ออกแนวญี่ปุ่น แต่ว่าร้านใช้เนื้อวัวพันธุ์ไทยเป็นหลัก และทีเด็ดคือมีเนื้อสูตรเฉพาะของร้านที่บ่มแห้งแบบพิเศษคิดค้นขึ้นมาเองอีกด้วย ร้านนี้ตั้งอยู่ในห้างเนเบอร์เซ็นเตอร์ Neighbour Center ใกล้ๆ 5แยกวัชรพล ตรงข้ามกับปั้ม ปตท. ตัวร้านเดอะแกรนด์บาร์บีคิว จะอยู่ชั้น2 เป็นร้านเปิดใหม่มาสัก2-3เดือนนี้เองครับ ใครเคยมากินร้าน "เมี่ยงปลาหมุน 5แยกวัชรพล" ที่มีปลาเผาอร่อยๆออกทีวีมาแล้วหลายๆรายการ ก็นั้นแหละครับ สถานที่เดียวกัน จอดรถได้มากอยู่สัก 30-40 คันสบายๆ
ดูเมนูของทางร้านต้องบอกเลยว่า ที่นี้เน้นไปทางปิ้งย่างอย่างเดียวเลย โดยจะมีเนื้อวัวเป็นหลัก มีแทบทุกส่วนของวัวเลยแหละ แต่หากใครไม่ทานเนื้อ ก็ยังมีชุดหมู ไก่ และซีฟู้ด มาเป็นออปชั้นให้เลือกได้อีกหลายเมนูเช่นกัน แต่ถ้าเป็นประเภท Meat Lover นี้มาร้านนี้จะต้องชอบแน่ๆละ เพราะร้านมีเนื้อแทบจะทุกส่วนชำแหละออกมาให้เลือกทานตามใจชอบ
วันที่พวกผมไปทานเจอเจ้าของร้าน ชื่อพี่อั๋น มารับออเดอร์และพาเราไปดูตู้แช่เนื้อส่วนต่างๆ พร้อมกับชาร์จบอกส่วนประกอบว่า แต่ละส่วนของวัว อะไรอยู่ตรงไหนบ้าง ส่วนไหนของวัวที่ตัดออกมาเป็น Sirloin , Rib , Chuck , T-bone , Brisket พี่เขารู้หมดเลยว่าส่วนไหนมีมันเยอะ ส่วนไหนเนื้อเยอะ เนื้อนุ่ม หรือเหนียวกว่า ,ส่วนไหนเหมาะเอาไปย่าง ไปทำสเต็ก หรือเอาไปอบไปตุ๋น ไอ้ชาร์จนี้เคยเห็นอยู่บ้างสมัยเรียน ป.ตรี แต่ก็ไม่เคยจำเลย เวลาไปกินร้านสเต็ก ร้านเนื้อย่าง ก็สั่งๆไป ไม่เคยจำได้หรอกว่าเนื้ออะไร มันคือส่วนไหนของวัว 555 พอเราดูเปรียบเทียบระหว่างเนื้อในตู้โชร์กับชาร์จ Beef Cut ด้านบนแล้วก็มาสั่งได้เลยว่าอยากจะทานส่วนไหน มีพี่เชฟค่อยอธิบายส่วนประกอบของเนื้อว่าตรงไหนเรียกว่าอะไร แต่ละส่วนให้ฟัง
คุยไปคุยมากับพี่อั๋น เจ้าของร้าน ถึงเพิ่งมารู้ว่า พี่เขาเคยทำงานอยู่แผนกเนื้อในห้างใหญ่ชื่อดังมากว่า 10ปี เป็นตำแหน่งถึง Master Butcher เลยรู้เรื่องการชำแหละเนื้อ การหั่นเนื้อเป็นอย่างดีทุกโปรเซส พี่เขาบอกว่าเนื้อที่ร้านเอามาย่าง ส่วนใหญ่เป็นเนื้อสายพันธุ์ไทยวากิวและพันธุ์ชาโลเล่ ที่เลี้ยงในภาคอีสานบ้านเรานี้แหละ ทางร้านจะไปซื้อซากวัวมาทั้งตัวจากโรงเชือดมาเลย ไม่ได้อิมพอร์ตเนื้อมาจากเมืองนอก และท้าให้ลองรสชาติความอร่อยของเนื้อที่ร้านใช้เพราะการันตีความอร่อย ไม่แพ้เนื้อนำเข้าจากต่างประเทศเลยนะ
เราเลยสั่งจัดมาลองซัก 2-3 ชุดดังนี้
- Set Premium Beef 899 Baht เป็นรวมเนื้อพรีเมียมของร้าน4อย่าง (เนื้อสันคอพิเศษ,เนื้อท้องวัว,เนื้อกล้ามขาเกรดเอ,สันนอกพิเศษ พร้อมผักออกานิคอีก1ชาม) ดูลายของไขมันที่แทรกในเนื้อแล้ว บอกเลยแหล่มมั๊กๆ
- Set Grand Pork 355 baht (สันคอหมู,หมูสามชั้น,ไส้กรอกญี่ปุ่น พร้อมผักออกานิคสำหรับห่ออีก1ชาม)
- Dry Aged Beef ส่วน ribeye 900 baht เป็นเนื้อบ่มแห้ง ที่เป็นสูตรพิเศษของทางร้านทำขึ้นมา ไม่เหมือนใคร โดยการนำเนื้อมาบ่มไว้ที่อุณหภูมิต่ำประมาณ 0 - 2 องศา ในความชื้นที่เหมาะสม บ่มทิ้งไว้ประมาณ 21 -30 วัน พี่เขาบอกว่าเนื้อบ่มแห้ง ในเนื้อมันจะมีเอนไซม์ในตัวมันออกมาทำปฎิกริยากับตัวเนื้อทำให้มีความหอมและนุ่มมากยิ่งขึ้น เวลานำไปย่าง
- "แก้มหมู" 200 บาท เมนูนี้ร้านอื่นๆไม่ค่อยมีกัน เป็นส่วนของแก้มหมู มีเอ็นแทรกอยู่เยอะพอควร ตอนทานจะค่อนข้างเคี้ยวหนึบหนับมากกว่า ชิ้นส่วนอื่นๆของหมู (คือจะเหนียวกว่า นั้นเอง)
โต๊ะอาหารที่ร้านนี้ เป็นแบบมีหลุมถ่านเตาอยู่ในตัวโต๊ะเลย พอเตาถ่านมาลง ไฟกำลังแรงๆ ก็คีบเนื้อลงเตาไปเลย (เนื้อพรีเมี่ยมจะไม่ราดซอส แค่โรยเกลือและพริกไทดำ ก็อร่อยแล้ว) พี่บอกว่าเนื้อดีๆถ้าหมักซอสแล้วไปย่าง จะทำให้ลิ้นเราไม่ได้รับรสชาติของเนื้อที่แท้จริง แต่จะได้รสชาติของซอสไปแทน
ที่ร้านแนะนำวิธีปิ้งเนื้อย่างแบบให้ได้สัมผัสรสเนื้อแบบเต็มๆ คือให้คีบลงเตาไฟแรงๆ เบิร์นให้น้ำในเนื้อค่อยๆซึมออกมา พอสีเริ่มเปลี่ยนเป็นน้ำตาลก็พลิกกลับอีกด้าน
เพียงรอบเดียว ปิ้งสุกประมาณมีเดียมแล ก็พอ แล้วให้ลองชิมเนื้อแบบไม่ต้องจิ้มน้ำจิ้มดู จะได้รับรู้ถึงรสเนื้อแท้ๆว่าหวานชุ่มนุ่มลิ้นเพียงใด แล้วชิ้นต่อไปค่อยจิ้มน้ำจิ้ม เพื่อเปรียบเทียบกัน
มาต่อกัน
- ซุปหางวัวแบบญี่ปุ่น 180 baht เป็นซุปน้ำข้นๆออกสีครีมๆ ทำจากเอ็นข้อวัว ใส่หางวัวที่ตุ๋นจนเปื่อย เนื้อนุ่มๆ น่าจะตุ๋นนานหลายชั่วโมงเลย น้ำซุปก็ข้นได้ใจทีเดียว
- ร้านมีข้าวกระเทียม และข้าวญีปุ่น ให้สั่งมาทานคู่กับเนื้อย่าง เลยลองสั่งข้าวกระเทียมมากิน (45 บาท) รสชาติดีทีเดียว
- ของหวาน เห็นที่ร้านมีไอติม Haagen-Dazs เป็นถ้วยๆแช่อยู่ในตู้ แต่ไม่ได้ลองเลยไม่รู้ราคา
สรุปโดยรวม ถือว่าเป็นร้านเนื้อย่างระดับพรีเมียม ที่น่าสนใจทีเดียว สำหรับคนรักเนื้อ ควรต้องมาลองทานกัน ถ้าได้เจอพี่อั๋น Master Butcher ด้วยจะยิ่งได้ความรู้เรื่องเนื้อมากขึ้นอีกตะหาก แต่หากไม่ทานเนื้อวัว ก็ยังมีหมู-ไก่และซีฟู้ด เป็นออปชั่นให้เลือกสั่งกันได้ ร้านมีโต๊ะประมาณ 10 กว่าตัว น่าจะรองรับคนได้สัก 50 -60 คนได้เลย ใครอยู่ย่านวัชรพล อยากหาทานกินยากินิคุ แบบเนื้อคุณภาพดีๆ แนะนำมาลองทานร้านเดอะแกรนด์บาร์บีคิว กัน
ร้านที่จะมารีวิววันนี้เป็นร้านกาแฟเล็กในมุมหนึ่งของโรงแรม The Bedrooms Boutique Hotel ตั้งอยู่ข้างๆBigC อ่อนนุช ภายในร้านบรรยากาศเงียบสงบ คนไม่พลุกพล่าน ให้ความเป็นส่วนตัว มีFree Wifi และปลั๊กไฟ เหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการมานั่งทำงานหรืออ่านหนังสือ ที่สำคัญเพลงที่นี่เพราะมากเป็นเพลงสากลยุค'80-'90 ซึ่งรับรองว่าคลอตามได้ทุกเพลงและเป็นเพลงที่ทำให้บรรยากาศของร้านนี้ดีขึ้นไปอีก
ในส่วนของเครื่องดื่มก็ค่อนข้างหลากหลาย มีทั้งกาแฟ ชา รวมถึงผลไม้ปั่น ราคาจะอยู่ที่ประมาณ70-100บาท ซึ่งก็คุ้มค่ากับบรรายากาศและ Facilities ที่ได้รับ รสชาติกาแฟก็ได้มาตรฐานไม่เข้มไม่อ่อนจนเกินไป ความหวานก็กำลังดีครับ
ร้านนี้เป็นร้านโปรดของผมร้านนึงเลยทีเดียว ใครมีโอกาสก็แวะมานั่งจิบกาแฟผ่อนคลาย อ่านหนังสือ หรือทำงานที่นี่ได้เลยครับ
มีโอกาสได้ไปที่ตึกThe opus ที่ซอยทองหล่อ10อีกครั้งครับ
มีร้านเปิดใหม่โดยคนเกาหลีแท้ๆเลยครับ เลยขอลองสักหน่อย
บรรยากาศในร้านในวันที่ไปก็โอเคครับ เข้าไปนอกจากพนักงานนี้มีแต่คนเกาหลีเลยครับ
เพื่อนพี่น้องท่านใดอยากลองสไตล์เกาหลีแท้ๆ ลองแวะไปลองได้ครับ
เพื่อนพี่น้องท่านใดอยากลองสไตล์เกาหลีแท้ๆ ลองแวะไป ...
ติดตามอ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่
http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=akuchan&date=05-05-2015&group=1&gblog=37
ขอบคุณครับ
มีโอกาสได้แวะเวียนมาแถวราชพฤกษ์ แล้วก็พบกับร้านนี้ครับ The Home Shabu &K.buffet
เป็นร้านอาหารเกาหลีสไตล์ฟิวชั่น พร้อมกับมีชาบูแบบเกาหลีรสเด็ด แน่นอนว่าต้องลองครับ
การเดินทางมาไม่ยากนะครับ ร้าน The Home Shabu &K.buffet อยู่ก่อนถึง The Circle ขับรถมาสะดวกมากๆ หน้าร้านมีที่จอดรถด้วยครับ
ถึงจะบอกว่าเป็นร้านชาบูก็จริง แต่พอเข้าไปแล้ว ชาบูนี่เหมือนเป็นของแถมเลยครับ เพราะไลน์อาหารเกาหลีอลังการและอร่อยมากๆครับ
เพราะมีหุ้นส่วนร้านเป็นชาวเกาหลี เลยได้ลิ้มลองอาหารเกาหลีแท้ๆ แต่ก็ปรับเปลี่ยนรสชาติให้ถูกปากคนไทยครับ
แนะนำเลยว่าห้ามพลาด ต็อกโบกีเผ็ด ที่เป็นเค้กข้าวผัดกับซอสออกรสชาติเผ็ดจัดจ้าน อร่อยมากๆกินไปหลายจานครับ
จับเฉ หรือผัดวุ้นเส้นแบบเกาหลี ซึ่งวุ้นเส้นแบบเกาหลีจะเส้นใหญ่กว่าวุ้นเส้นของไทย ผัดใส่น้ำมันงา หอมมากๆครับ
และแน่นอนที่ขาดไม่ได้สำหรับอาหารเกาหลี คือกิมจิผักดองชนิดต่างๆ ที่ร้านนี้มีให้เลือกเยอะมากๆ ที่ฟินสุดๆ ยกให้ Kimchi J Jim ที่เป็นกิมจิโฮมเมด ทานคู่กับหมูอบ รสชาติลงตัวครับ
ทานอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์จนเกือบลืมชาบูไปเลย สำหรับชาบูที่ร้านนี้มีน้ำซุปให้เลือกสองแบบครับ คือซุปใสกับซุปกิมจิ
แน่นอนว่าผมเลือกซุปกิมจิ รสชาติไม่เผ็ดมากนะครับ ออกเปรี้ยวๆ มีรสชาติเผ็ดปลายลิ้น แต่เข้มข้นมากๆครับ
และมีชุดชาบูให้เลือกสองชุดนะครับ ถ้าเลือกชุดหมู ก็จะได้ทานหมูคุโรบูตะ ถ้าเลือกชุดเนื้อก็จะได้ทานเนื้อริบอายออสเตรเลียครับ
ส่วนผักและเครื่องชาบูอื่นๆสามารถตักได้เองครับ แนะนำว่าอย่าลืมเส้นรามยอนนะครับ ไฮไลท์ของชาบูเกาหลีเลย
อิ่มฟินชาบูแล้วก็มีไลน์ของหวานปิดท้ายนะครับมีทั้งบิงซูที่เป็นน้ำแข็งไสแบบเกาหลี เลือกทานได้เองมีทั้งน้ำแดง นมข้นหวาน ช็อคโกแลตไซรัป
หรือไอศกรีมซอฟท์เสิร์ฟวานิลา คุกกี้ เวเฟอร์ ทาร์ต หรือผลไม้ก็มีนะครับ
ส่วนตัวตอนแรกมองว่าเรทสูงไปนิดแต่ก็ได้เปิดโลกทัศน์และแอบติดใจอะไรอย่างอยากกลับไปรีเทิร์นแน่นอนครับ
ส่วนค่าเสียหายเห็นว่ามีเพิ่งมีเปลี่ยนแปลงตอนที่ผมไปล่าสุดก็เป็นราคาบุฟเฟ่ต์....
จ-ศ กลางวัน net 449.- เด็ก 225.-
เย็น+เสาร์ net อาทิตย์ 499.- เด็ก 250.-
ทานได้ระยะเวลา 2 ชั่วโมงเต็ม รายละเอียดเพิ่มเติมลองติดต่อสอบถามได้ที่หน้าเพจของทางร้านดูนะครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=akuchan&month=18-10-2015&group=1&gblog=43
ขอบคุณครับ
The Home Shabu & K.Buffet เป็นร้านบุฟเฟ่ต์เกาหลี ที่รวมอาหารเกาหลีหลากหลายชนิด ทั้งบิบิมบับ ต๊อกบ๊อกกี่ หมูผัด บุลโกกิ ไก่ทอดซอสคันจัง สลัดอีก 4-5อย่าง พร้อมชาบูสไตล์เกาหลีที่มีทั้งหมูคุโรบูตะ และเนื้อริบอายออสเตรเลีย กิมจิอีก 4-5ชนิด พร้อมเครื่องเคียง ขนมหวาน บิงซู ไอศกรีมซอฟต์ครีม น้ำอัดลม-ชาข้าวคั่ว-ขาพีช-กาแฟ ทั้งหมดนี้ตักได้ไม่อั้น ในราคาบุฟเฟ่ต์ 499 บาท
ร้านนี้อยู่ถนนราชพฤกษ์ติดกับ KFC drive thru อีกด้านของร้านคือร้านก๋วยเตี๋ยวจักรเพชร ด้านหน้าร้านมีที่จอดรถอยู่เยอะพอควร 15-16 คันได้เลย
ภายในร้านตกแต่งร้านได้สวยดี โซนตรงกลางเป็นไลน์บุฟเฟ่ต์ หลายๆประเภทอาหารให้เลือก ส่วนโต๊ะทานอาหารจะอยู่ด้านซ้ายและด้านในของร้าน ดูไลน์อาหารยังกะร้านอาหารในโรงแรมเลย ดูดีมาก
ที่โต๊ะอาหาร จะมีเตาแม่เหล็กไฟฟ้าและหม้อชาบูอยู่ แต่ผมมองว่าชาบูของที่นี้เหมือนเป็นของแถมของร้านมากกว่า เพราะว่าอาหารในไลน์บุฟเฟ่ต์นั้นล่อตาล่อใจ และเย้ายวนให้อยากทานมากว่าการแค่มานั่งทานชาบูเฉยๆเหมือนร้านชาบูทั่วๆไป
มาดูไลน์อาหารกัน เริ่มที่ไลน์อาหารคาวตัวหลักก่อน
>มีข้าวยำเกาหลี Bibimbab แบบที่เลือกตักเองได้เลย มีชามเครื่องปรุงต่างๆวางพร้อมไว้อยู่แล้ว เลือกตักข้าว ตักเครื่องปรุงแต่งหน้าได้เองเลย พร้อมราดซอสโคชูจังปิดท้าย เป็นชามที่ชอบอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย
>ถัดมาจะเป็นหม้ออุ่นร้อน มีพวกต๊อกบอกกี้ทั้งแบบหวาน และแบบเผ็ด เนื้อบุลโกกิ และ Kimji J Jim(เป็นหมูอบเสิร์ฟพร้อมกับกิมจิ)
>ไลน์ถัดมาเป็นสลัด วันที่ไปทานมีให้เลือกอยู่ 4 อย่าง สลัดผลไม้ซอสงา สลัดไข่ผลไม้ สลัดมะกะโรนี และก็มีข้าวปั้นสไตล์เกาหลีด้วย เรียกว่า จูม๊กบับ
>ไลน์ถัดมา มีซูปกิมจิ , จับเฉ(ผัดวุ้นเส้นสไตล์เกาหลี) , ไก่ทอดซอสคันจัง (อันนี้อร่อยแนะนำเลย) ,ทักไกบิ
>ไลน์ถัดมาเป็นสลัดผัก วันที่ไปมีอยู่ 4 อย่างคือ [แซลมอนสลัด,เฟรนส์สลัด,เน็งเช,ซีซาร์สลัด]
>ไลน์ถัดมาเป็นกิมจิเครื่องเคียง ให้เลือกหลายอย่างเช่น [กิมจิหัวไชเท้า,กิมจิแบบเปรี้ยว,ออมุกโอเด้ง,แตงกวาดอง,พริกดอง,มันฝรั่งผัดแครอท,]
>ไลน์ถัดมาเป็น สำหรับชาบู ซึ่งเป็นพวกเห็ดและผักมากกว่า มีพวกเห็ดออริงงิ,เห็ดเข็มทอง,ฟักทอง,ผักกะหล่ำ,ข้าวโพดหวาน,โอเด้ง,เส้นรามยอง,วุ้นเส้น,ไข่ไก่ เอ่อลืมบอกไป ร้านนี้บุฟเฟ่ต์จะมีเนื้อริบอาย หรือหมูคูโรบูตะมาให้คนละ1จาน(เลือกอย่างใดอย่างนึง) แต่ถ้าต้องการเนื้อแบบไม่อั้น เพิ่มเงินอีก50บาท แต่ผมแนะนำว่าไม่ต้องสั่งเพิ่มหรอก เพราะแค่นี้ก็กินจะไม่หมดอยู่แล้ว หาพื้นที่ว่างในกระเพาะมาลองอาหารให้ครบทุกอย่าง ก็แบบอิ่มตื้อแล้วนะ
>ไลน์ขนมหวาน นี้ก็แบบเยอะมาก ทั้งคุกกี้ เค้ก ทาร์ต บางวันมีมาการองด้วย มีมาร์ชแมลโรล จอลลี่แบร์ ต๊อกคลุกผงถั่ว บราวนี้ และอีกหลายอย่าง รู้ว่าหมวดขนมหวานนี้ แต่ละวันอาจจะแตกต่างกันไปนะ แต่ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดคือ ที่ร้านมีบิงซูด้วย (น้ำแข็งไสสไตล์เกาหลี) คือเลือกตักเองได้เลย ใส่ท็อปปิ้งตามชอบได้ไม่อั้นด้วย แถมมีไอติมซอฟต์เสิร์ฟรสวนิลลา กดเองได้อีก ฟินจริงๆเลย2เมนูนี้
สรุปรวมด้วยไลน์อาหาร ที่มีให้เลือกหลายอย่าง กับเวลาในการทาน 2 ชั่วโมงนั้น ก็ถือว่ามีเวลาได้ละเลียดอาหารแต่ละชนิดได้มากพอสมควรเลย แต่หากคุณไม่ใช่สายแข็งในเรื่องบุฟเฟ่ต์ ผมบอกเลยว่าแค่ตักมาชิมอย่างละนิดละหน่อย หนังท้องก็ตึง แล้วละ
ถือว่าบุฟเฟ่ต์ของ The Home Shabu+K.buffet ในราคา 499 บาท กับเวลา 2 ชั่วโมงเต็มๆนี้
ทำให้โอปป้าอย่างเรา ได้ฟินกับอาหารได้อย่างเต็มที่ (ยิ่งเปิดเพลงป็อปเกาหลี ภายในร้านขณะทานไปด้วย นี้ยิ่งได้อารมณ์มากขึ้นไปอีก1สเต็ป)
แนะนำสำหรับคนที่อยากมาลองทานอาหารเกาหลีแบบหลากหลายในราคาที่คุ้มค่า
พูดถึงสาหร่ายเถ้าแก่น้อย คงไม่มีใครไม่รู้จักใช่ไหมครับ
และตอนนี้คุณต็อบ วันรุ่นพันล้านได้มีโปรเจ็คใหม่นั่นคือ...
ป๊อปคอร์นนั่นเอง ใช่ชื่อว่า "Tob Corn" ป๊อปคอร์นระดับพรีเมียม
ไม่เหมือนป๊อปคอร์นทั่วไปตรงที่ ป๊อปคอร์นยี่ห้ออื่นๆ
จะใช้เมล็ดข้าวโพดที่แตกออกมาเป็นทรงบัตเตอร์ฟลาย
แต่ Tob Corn เมล็ดข้าวโพดจะออกมาเป็นทรงกลมรูปร่างคล้ายเห็ดครับ
ซึ่งเมล็ดข้าวโพดนี้ต้องนำเข้าจากอเมริกาทุกเม็ดเลยทีเดียวและรูปร่าง
ทรงกลมแบบนี้ จะซึมซับรสชาติของเครื่องปรุงได้มากกว่า
ยิ่งได้มาผสมรวมกันวัตถุดิบชั้นเลิศคัดสรรอย่างดีด้วยแล้ว
ป๊อปคอร์นที่ได้มาก็จะกรอบหอมอร่อย รูปร่างสมบูรณ์ทุกเมล็ดครับ
ต้องขอบอกว่าวัตถุดิบเขาคัดมาดีจริงๆ เช่น เครื่องปรุงอย่างชีส
ก็เป็นเชดด้าชีสนำเข้าจากต่างประเทศครับ
Tob Corn ตอนนี้มีทั้งหมด 6 รสชาติด้วยกัน
รส Paris Caramel เนยนำเข้าจากฝรั่งเศส หวานกำลังดี หอมมากๆครับ
แนะนำว่าซื้อกลับบ้านแล้วแช่ตู้เย็นก่อนแล้วมาทานจะอร่อยขึ้นด้วยครับ
รส Nori Teriyaki เป็นสูตรคิดค้นเองเป็นเจ้าแรกเลย หอมกลิ่นสาหร่าย
และซอสเทอริยากิแบบญี่ปุ่น เข้มข้นมากๆครับ ต้องลองเลย
รส Caramel Macadamia ป็อปคอร์นคาราเมลอย่างดี มีแมคคาดาเมียแ
ทบทุกซอกของตัวป็อบคอร์นสะใจเลยครับ
รส Crispy Coconut ป็อปคอร์นคี้ยวมันเพราะแอบมีมะพร้าวฝอยแทรกตัว
รสชาติออกแนวไทยๆเราหน่อยครับแปลกดี
รส Caramel Almond เม็ดอัลมอนด์สะใจแน่นอนครับใครชอบอัลมอนต์
นี่เลือกได้เลยไม่ต้องคิดครับ
รส Strawberry แปลกดีครับรสนี้ออกแนว Candyๆ หวานก็กำลังดี
ไม่หวานแสบจนเกินไป เคลือบเต็มๆทุกเม็ดไม่เหมือนเจ้าอื่นด้วยครับ
และมีให้เลือกสามขนาดคือ S, M และ L ครับ เทียบกับราคาแล้วอาจจะแพง
แต่ถ้าได้ลองเห็นกรรมวิถีการผลิต และได้ลองลิ้มชิมรสชาติแล้วล่ะก็
ราคานี้คุ้มค่าจริงๆครับ สำหรับท่านที่อยากลอง สามารถหาซื้อได้ที่
เถ้าแก่น้อยแลนด์ ชั้น LGTerminal 21 ครับ
เคยไปทานตะลิงปลิงที่สาขาเซ็นทรัลพระราม 3 ผมว่าไม่ค่อยอร่อยอะคับ
พอดีมีโอกาสได้มาทานที่นี่กับแขกต่างชาติ ผมว่ารสชาติดีเลยทีเดียว บรรยากาศร้านก็ดีมาก อารมณ์เป็นแนวๆ สปาโรงแรมหรูๆ เสียแต่ร้านเล็กไปหน่อย แต่ก็อบอุ่นดีคับ
เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับคนที่อยากหาร้านอาหารไทยบรรยากาศดีๆ ทาน หรืออยากพาแขกต่างชาติมาทานคับ
ชอบร้านนี้ที่สุดเลยค่ะ อาหารอร่อย ไม่แพง เร็วด้วยค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านที่ติดอันดับ top 10 ภัตตาคารที่ดีที่สุดในโลกของนิตยสาร newyork times
เลยมาลองกับที่บ้านคับ
รวมๆ รสชาติดีมากๆ จุดเด่นของรสชาติที่นี่ ไม่ใช่แบบจัดจ้าน แต่เป็นความพิถีพิัถันของการปรุงคับ
การจัดวางอย่างตั้งใจ การใช้วัตถุดิบดีๆ
ซึ่งถ้าคนที่กะมาทานรสชาิติจัดจ้าน หรือคนที่ชอบบแนวอาหารจีนเหลาอลังการแนวกวางตุ้ง (หูฉลาม หมูหัน ปลาเก๋า) อาจจะไม่ประทับใจเท่าไหร่ เพราะอาหารที่นี่เน้นแนวเรียบง่าย แต่ทำได้เต็มที่คับ
อย่าง เสียวหลงเป่า ที่เป็นเมนู signature ของที่นี่ จะเห็นได้ว่า ถึงจะพึ่งนึ่งมาสดๆ แต่เวลากัดแล้ว ถ้าเป็นที่อื่น จะมีน้ำซุปร้อนๆ ทะลักออกมาลวกปาก - -'
แต่ที่นี่ อุณหภูมิของน้ำซุปที่ทะลักออกมาจะแค่อุ่นๆ กำลังดี ทำให้ได้รสชาติน้ำซุปแบบไม่ต้องทนทรมานคับ - -'
หรืออย่างไก่แช่เหล้าที่ถ้าไปทานร้านทั่วไป ก็จะเสิร์ฟมาเป็นตัว หรือเนื้อที่สับๆ วางๆ มา
แต่ที่นี่พิถีพิถันมาก ทำการตัดทีละชิ้น จัดวางแบบพอดีคำ ประมาณว่าทานได้ทันทีไม่ต้องเลอะเทอะคับ
ข้อเสียเดียวเห็นจะเป็นเรื่องราคานี่ล่ะ แพงไปหน่อยคับ ยิ่งเทียบกับอาหารเรียบง่ายที่ไม่เน้นโปรตีนมาก บางคนอาจจะไม่ประทับใจก็ได้คับ
แต่ถ้าอยากทานอาหารจีนแบบ home cuisine ที่มีความพิถีพิถันในการทำทุกขั้นตอน ก็ที่นี่เลยคับ
มาเจอร้านนี้พอดีมาทำธุระที่ตึก United นี้
ผมว่าเมนูมันออกแนวๆ OOtoya ดีครับ แต่ราคาถูกกว่า และการตกแต่งข้างในก็ออกแนวมืดๆ ญี่ปุ่น modern ดูสวยดี
สั่งทานแค่เมนูเทมปุระเซ็ต ที่เค้าว่าเป็นอาหารพิเศษประจำเดือน ก็เลยไม่รู้ว่าอย่างอื่นเป็นยังไง แต่เทมปุระผมว่ารสชาติใช้ได้ทีเดียว น้ำจิ้มอร่อยเข้มข้นดี ไม่จืดจางแบบบางที่ แต่พอราคาออกมา 300 นิดๆ (หลังบวก service) ก็แอบเหวอเหมือนกัน ทีแรกเห็นว่ามันแค่ 230 นิ ที่ไหนได้ นั่นราคา ala carte ราคาเซ็ต 290 - -""
คิดว่าวันหลังจะกลับมาลองเมนูอื่นดูครับ ราคาเฉลี่ยก็ประมาณ 230-260 สำหรับเซ็ตนะผมว่า
ร้านนี้เห็นเค้าโปรโมตมานานว่า เป็นหมูทอดที่นุ่มระดับใช้ตะเกียบตัดได้
พอมีโอกาสแวะมาแถวนี้บวกกับเป็นช่วงต้นเดือน เลยขอจัดทีครับ (เพราะได้ยินมาว่าแพงมาก)
พอมาเห็นเมนูก็.... แพงจริงๆ ครับ - -"
ซาโบเตนที่ว่าแพงแล้ว ยังถูกกว่าเจ้านี้เป็นร้อยเลย
ดูๆ เมนูเลยตัดสินใจจัดเซ็ตใหญ่ไปเลย เซ็ตไมเซนพรีเมียมมิกซ์ครับ
จะมีหมูสันในชิ้นนึง ไก่ชิ้นนึง แล้วก็กุ้งชิ้นนึง ราคาอยู่ที่ 415 บาท มีข้าว ซุป กะหล่ำ เติมได้ และมีของหวานเป็นคัสตาร์ดหรือไอติม (มีบวก vat เพิ่มอีก 10% - -")
ร้านนี้จะมีซอสเยอะมากครับวางบนโต๊ะให้เลือก แต่จะไม่มีงามาให้บดเองแบบร้านหมูทอดอื่นๆ
ซอสจะมีสองแบบ ทั้งน้ำสลัด ทั้งซอสทงคัตสึ ซึ่งผมว่าซอสมันจะหวานๆ อร่อยดีครับ
ส่วนของของทอด มันก็นุ่มเทพจริงๆครับ ใช้ตะเกียบตัดได้ เค้าเลยเล่นไม่หั่นมาให้เลย - -"
ถึงมันจะนุ่ม แต่มันก็ไม่ได้นุ่มระดับที่ตะเกียบจิ้มแล้วขาดเป็นเต้าหู้ทันที แต่ต้องมานั่งใช้ตะเกียบจิ้มๆๆๆ เพื่อตัดนิดนึง ทำให้แป้งขนมปังมันร่วงระนาวเต็มไปหมด - -"
แต่ผิวสัมผัสของเนื้อนุ่มจริงอะไรจริง หยั่งกะกินหมูสับเลยครับ
ส่วนเรื่องบริการ ผมว่าไม่ค่อยดีเลยครับ เรียกเช็คบิล เรียกสั่งอาหาร ดูมั่วๆ มึนๆ
เห็นพนักงานหลายๆ คนก็ยืนเฉยๆ ในขณะที่อีกหลายคนก็ยุ่งวิ่งไปมาทำทุกอย่าง และบริการช้ามากกก (อาจจะเป็นเพราะช่วงคนเยอะด้วย) คิดเงิน เงินทอนก็รอเป็นสิบนาที ทั้งๆ ที่จ่ายเงินแล้วพนักงานคนเดิมน่าจะรอเอาเงินทอนมาให้ แต่นี่ เอาเงินไปวางที่แคชเชียร์เสร็จ ก็เดินไปเช็ดโต๊ะต่อ - -"
ผมว่า เนื้อหมูเทพกว่าซาโบเตน ส่วนกะหล่ำ ซาโบเตนซอยดีกว่าหน่อย
แต่ราคาที่เพิ่มเข้ามาเป็นร้อย (หมดไป 475 ครับ หลังจากบวก vat แล้ว) บวกกับบริการที่ไม่ค่อยดี และน้ำก็ไม่รวม ผมว่าไม่ค่อยคุ้มค่าเท่าไหร่ครับ
แต่ถ้านานๆ ทีมาลองก็โอนะ
พอดีว่าหนูต้องทำโปรเจคอยากจะถามว่าเมนูของร้านมีอะไรบ้างหรอค่ะ
โกง point true black card ตัดแต้มเบิ้ล 2 ครั้งและไม่ได้ให้ใบเสร็จเป็นหลักฐาน เหมือนโกงเครื่องดื่มลูกค้าไป 2 แก้ว จนลูกค้าจะทราบเมื่อเอะใจเข้าระบบเพื่อเช็คแต้ม
รสชาติอร่อยทีเดียวคับ เน้นมาทานอาหารจานเดียว จัดจานได้สวยมากๆ รสชาติจะออกแนวหวานนิดนึง แต่รวมๆ ก็อร่อย พวกอาหารแนะนำเค้าผมว่าอร่อยทุกอย่างเลย
แนะนำ หมูคำหวาน เป็นคอหมูย่างราดซอสน้ำยำ หมูนุ่มดี ซอสอร่อย