All reviewing comments
Search for comments
สาขานี้ทำไม่อร่อย ทำไม่ดีเหมือนสาขาอื่น อย่างเช่นมันสีม่วง ควรปรับปรุงด้วยนะคะ
เนื้อมันไม่ละเอียดบางคำมันกัดแล้วเป็นก้อนรูปลักษณ์ไม่สวยงานเหมือนสาขาอื่น
ได้โปรดปรับปรุงใหม่ด้วยนะคะขอร้อง ฉันชอบกินมากและสาขานี้ใกล้บ้านที่สุด
ตามหาคนที่เคยทำงานคอฟฟีเวิร์ดสีลมคอมเพล็ก( 10 ปีแล้ว) metpiyaa@hotmail.com
งงจุง
จะสั่งเค้กคะ
วันนี้เข้าไปทานวันเด็กพอดี แต่ไม่มีคนมารับออเดอร์เลย เรียกก็ไม่มา รอบประมาณ 11 โมง ดูกล้องวงจรปิดได้เลยค่ะ โต๊ะมาทีหลัง 2 โต๊ะ สั่งก่อนเฉย
วันนี้ขอกลับไปซ้ำร้านเดิม ที่เคยรีวิวไว้เมื่อ 2 ปีก่อน อีกครั้งนึง เป็นร้านซูชิเล็กๆ แต่ปลาชิ้นใหญ่ ราคาสบายกระเป๋า อยู่ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ ย่านบางกะปิ อีกแหล่งจุดศูนย์รวมของกิน มากมายสำหรับคนแถวนี้
ร้านที่ชวนมาหิว วันนี้ชื่อร้านว่า "ไข่หวานบ้านซูชิ byข้าวนิ่มซูชิ" ซึ้งเดิมใช้ชื่อร้านว่า "ข้าวนิ่มซูชิ" นั้นแหละ แต่ว่าร้านรีแบรนด์ใหม่ จริงๆ2ร้านนี้ เป็นร้านพี่-น้อง กันนั้นเอง
[พิกัด]
ตั้งอยู่ในศูนย์อาหารแฮปปี้แลนด์ (ตรงข้าม The Mall บางกะปิ) เป็นร้านขนาด2บู๊ธ อยู่ตรงหัวมุมในศูนย์อาหาร หากเดินมาจากห้างเอ็นมาร์ค พลาซ่า (N Mark Plaza) ก็เดินเข้าไปในศูนย์อาหารเลี้ยวซ้ายมือ มองไปมุมของศูนย์อาหารเจอแน่นอน
เวลาเปิดปิดของร้านข้าวนิ่มซูชิคือ 16.00 - 21.30 น. ทุกวัน
[Hightlight]
Sushi เริ่มตั้งแต่ 10-15-20-30 บาท โดยเป็นซูชิที่ชิ้นปลาใหญ่มาก ข้าวนิดเดียว ฟินเต็มๆคำ สำหรับคนรักซูชิต้องมาลอง อร่อยไม่แพ้ร้านดังย่านทองหล่อ-เอกมัย เลยทีเดียว
Sashimi ก็มีนะ มีปลาแซลมอน และปลาทูน่า หั่นชิ้นหนาและใหญ่กำลังดี จานเล็ก10ชิ้น 140 บาท , จานใหญ่ 14ชิ้น 180บาท
ล่าสุดมี ยำปลาแซลมอนด้วย ก็ราคาเหมือนซาชิมินั้นแหละ แต่เพิ่มน้ำจิ้มซีฟู้ด รสเด็ดมาเพิ่มให้ ราดน้ำซีฟู้ดลงบนเนื้อปลาแซลมอน กินกันแซ่บๆไปเลย
ร้านไข่หวานบ้านซูชิ byข้าวนิ่มซูชิ ที่บางกะปินี้ เปิดตั้งแต่ 4โมงเย็นเป็นต้นไป ผมไปถึงร้านก็ประมาณ 4โมงครึ่ง ซูชิหน้าต่างๆ ก็จัดวางเรียงพร้อมให้ตักได้เกือบครบหมดทุกหน้าแล้ว
วิธีการเลือกซื้อของร้านนี้ ถ้าจะทานเลยในศูนย์อาหาร ก็หยิบจานพร้อมที่คีบไปคีบได้เลย ถ้าจะซื้อกลับบ้านก็หยิบกล่องพลาสติกพร้อมที่คีบ เอาไปคีบได้เลย โดยทางร้านจะมีโปรโมชั่นประจำอยู่ตลอดนั้นคือ ซื้อ10 แถม 1 ชิ้น
แอบแวะไปส่องดูด้านหลังของร้านมานิดนึง ร้านนี้เขาแล่ปลา ทำข้าวปั้นต่างๆกันตรงนี้เลย รับประกันความสดใหม่ได้แน่นอน อย่างอันนี้น่าจะกำลังทำเมนู "มากิแซลมอน" อยู่แน่เลย เพราะเห็นหยิบแซลมอน ไข่หวานและแตงกวาญีปุ่น มาเป็นไส้ พันด้วยข้าวห่อสาหร่ายแล้วโรยด้วยไข่กุ้งเคลือบด้านนอก
ถัดไปก็เห็นเชฟกำลังแล่ปลา มีลูกค้าสั่งเมนู Salmon Sashimi กล่องเล็กอยู่ เชฟก็แล่ปลากันสดๆจำนวน 10 ชิ้น ใส่กล่องพลาสติกพร้อมผักเคียงและขิงดอง วาซาบิพร้อม อั้ยยะ เห็นแล้วน่ากินสุดๆ (แอบถามว่าใช้แซลมอนวันละกี่ตัว เขาบอกว่าแล่ปลาเฉพาะแซลมอน ก็วันละ 8-9ตัวเลยนะ ขายดีจริงๆ)
เมนูที่ผมว่าเป็นไฮไลน์ของร้านได้เลยคือ เมนูที่ชื่อ "แซลมอนกิโมโน" ชิ้นละ 30 บาท คือปกติ ข้าวปั้นหน้าแซลมอน 20 บาท จะมีปลา1ชิ้นโป๊ะบนข้าวญี่ปุ่นใช่มะ แต่เจ้าแซลมอนกิโมโน นี้คือ จะเบิ้ลปลาแซลมอนเข้าไปอีกชิ้น พร้อมท็อปปิ้งด้วยไข่ปลาแซลมอนอีกนิด ได้ข้าวปั้น+ปลาแซลมอนไป2ชิ้น แต่ขายเพียง 30 บาทเองอะ (จำได้ว่าเคยไปกินร้านซูชิโอ ที่ห้างเมอคูรี่วิลล์ แซลมอน2ชิ้นบนข้าวอย่างงี้เขาขายกันที่ 60 บาท)
อีก 2 เมนูที่ว่าเด็ดมากคือ 1.แซลมอนห่อไข่ปลา 35บาท เป็นแซลมอน1ชิ้นเอามาพันเป็นวงกลมด้านล่างมีข้าวแล้วโป๊ะด้วยด้วยไข่ปลาแซลมอนในราคาเพียง 35บาทเองอะ 2. ไข่ปลาแซลมอน (ikura sushi) 55บาท ไข่แซลมอนเม็ดโตๆเด้งๆ ในราคาประมาณนี้ ถ้าไปเข้าร้านญี่ปุ่นมีชื่อหน่อย ต้องราคา100อัพไปแล้วแน่นอน
คือเมนูของร้านนี้ หลายเมนูจะเป็นปลาแซลมอนซะเยอะ ซึ้งก็เข้าใจแหละ เพราะคนไทยเรานี้บ้ากินแซลมอนกันจริงๆ (ผมก็ด้วยคน) ทางร้านเลยมีเมนูที่เป็นตระกูลแซลมอนให้เลือกเยอะ และค่อนข้างเห็นเมนูจากแซลมอนออกมาวางให้เลือกอยู่เยอะ ทั้งข้าวปั้นหน้าแซลมอน 20 บาท , แซลมอนโรลชีส 30 บาท , แซลมอนเบิร์น20 , โรลเบิร์นแซลมอน , ข้าวปั้นหน้าท้องปลาแซลมอนย่าง20
อีกหมวดนึงที่ห้ามพลาดของร้านนี้ คือหมวดไข่หวาน รสชาติของเจ้านี้จะหอมกลมกล่อม ไข่หวานจะหวานกำลังดี ตัวที่แนะนำคือ "ไข่หวานแซนวิส15บาท" เป็นไข่หวานที่ผ่ากลางใส่ไข่กุ้งและสลัดปูอัด , และก็เมนูไข่หวานแซนวิชไข่กุ้งมังกร 15บาท
มีเมนูที่ขอชื่นชมเลยว่าทำออกมาดี คือ ข้าวปั้นหน้าหมึกหิมะ และข้าวปั้นหน้าหมึกหิมะสลัด หมึกที่ทำออกมาให้เรากินเขาจะใช้มีดกรีดตามยาวของเนื้อปลาหมึกตลอดทั้งชิ้น ทำให้เคี้ยวได้ง่าย ไม่เหนียว ทานได้สะดวก (คือผมพบประสบการณ์แย่ๆจากเมนูนี้ ของร้านอื่นๆมาจนแขยงไม่กินไป3ปี เพราะเคยกินซูชิหน้านี้ไปทั้งคำ แล้วพบว่าหมึกมันเคี้ยวยากมาก มันอยู่ในปากทั้งคำ แล้วเหนียวสุดๆ เคี้ยวแทบไม่ได้ จนต้องคายทิ้ง เหตุเพราะเชฟร้านญี่ปุ่นในห้างร้านนั้น ไม่ได้กรีดปลาหมึกให้เราเลย พอปลาหมึกมาทั้งแผ่นโป๊ะบนข้าวปั้น ทำให้ฟันเรากัดไม่เข้า เคี้ยวก็ไม่ค่อยไหว ผมมารู้ทริคนี้จากการดูรายการทีวีภายหลัง ผมเข็ดไม่กินเมนู ข้าวปั้นหน้าปลาหมึกแบบนี้ไปนานเลย) จนพอมาลองกินของร้านนี้ พบว่า เชฟเขาเข้าใจวิธีการจัดการกับปลาหมึกค่อนข้างดี จนทำให้ผมกลับมาชอบเมนูนี้ใหม่ หลังจากแขยงไปหลายปี
อีกเมนูนึงที่ถือว่าโอเคเลยถ้าคุณชอบทาน ปลาไหลย่างสไตล์ญี่ปุ่นอยู่แล้ว คุณจะรู้ว่าเมนูนี้ ไปร้านไหนๆก็ขายแพงกันทั้งนั้น ของร้านนี้ก็มี ขายในราคาคำละ 30 บาทเท่านั้น เป็นปลาไหลย่างหั้นมาชิ้นกำลังดี ห่อด้วยสาหร่ายพันข้าวปั้น ราดซอสหวานๆมา นี้คืออีกเมนูที่ Recommended ว่าควรมาชิม
มาเมนูสำหรับคนชอบความหนุบหนับกันบ้าง ผมขอแนะนำ ข้าวปั้นหน้าเอ็นหอยเชลล์ เมนูนี้อร่อยหนุบหนับมากๆด้วยรสชาติออกหวานๆเค็มๆของซอสผสมความหนุบหนับของเอ็นหอยเชลล์ ในราคาคำละ 15 บาท , อีกเมนูที่ไม่ควรพลาดคือ ข้าวปั้นหน้าแมงกะพรุน ตัวนี้ก็รสชาติกำลังดี หนุบหนับพอควร แต่ชอบเอ็นหอยเชลล์มากกว่า
ระหว่างนั่งทานไป ก็พบว่ามีลูกค้าคนอื่นๆ แวะเวียนมาซื้อจนแน่นร้านอยู่ตลอดเวลาเลย มีคนฝากซื้อด้วยแอพ LineMan ด้วย ซึ้งถ้าคุณขี้เกียจไปซื้อเองที่ร้าน ก็ดาวโหลดแอป LineMan แล้วหาร้านไข่หวานบ้านซูชิ by ข้าวนิ่มซูชิ สั่งอาหารแทนก็ได้ ราคาอาหารก็เท่ากันกับที่มาซื้อที่หน้าร้านนี้แหละ +ค่าส่งตามระยะทาง (KMละกี่บาทไม่แน่ใจนะครับ ลองเช็คดู)
ส่วนตัวผมชอบมากินแบบนี้ เพราะรสชาติและขนาดของอาหาร ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ถึงแม้จะเป็นร้านในฟู้ดคอร์ท แต่คุณภาพของวัตถุดิบไม่ต่างจากร้านในห้างดัง หรือร้านญี่ปุ่นดีๆเลย เพียงแค่บรรยากาศระหว่างทานในศูนย์อาหารมันไม่รื่นรมย์เท่านั่งกินชิลล์ๆในห้องแอร์ร้านดังๆเท่านั้นเอง อีกอย่างช่วงหลังๆร้าน Buffet Salmon หัวละ 499 บาทไรงี้ ก็มีมากขึ้น ทานได้90นาที อะไรแบบนี้ ผมพบว่ามากินร้านแบบนี้ บางทีอิ่มพอๆกัน แถมราคาถูกกว่าด้วยซ้ำไป และไม่ต้องมีเวลามาจำกัดเราด้วย คิดง่ายๆไปกะเพื่อน 4 คน ถ้าบุฟเฟ่ต์ 499 x4 ก็ประมาณ 2000 บาทแล้ว เอาเงินเท่ากันมากินแบบนี้ ผมว่าประหยัดไปได้เยอะเลยทีเดียว อาจจะซื้อกลับบ้าน ไปนั่งกินชิลล์ๆก็ยังสบายใจกว่าเลยด้วย
สวัสดีวันนี้จะขอมารีวิวร้านอาหารเปิดใหม่ในย่านพุทธมณฑลสาย5 ร้านที่ว่าคือ ร้านอรีส ARIS Restaurant
ขับรถผ่านเส้นนี้ เห็นก่อสร้างมาสักพักนึงแล้ว พอเห็นป้ายเขียนว่าเปิดบริการแล้ว เลยชวนกรุ๊ปแก็งค์มาลองกันหน่อย
[Location]
พิกัดอยู่ตรงเส้นพุทธมณฑลสาย5 ติดกับปั้มน้ำมันซัสโก้ เส้นขาวิ่งออกไปถนนบรมมราชชนนี ร้านอยู่ติดริมถนนใหญ่ หาไม่ยาก จุดสังเกตุคือถ้าเจอปั้ม Susco แล้วร้านนี้อยู่ติดกันเลย
(ถ้าขับรถมาที่ร้าน ร้านนี้ที่จอดรถจะอยู่ด้านหลังร้านนะ ต้องขับผ่านร้านไปอีกนิดจะเจอซอย วิ่งเข้าซอยนิดนึง แล้วเลี้ยวเข้าทีจอดรถของร้านได้เลย กว้างมาก น่าจะจอดได้เป็นร้อยๆคัน)
ร้านนี้เพิ่งเปิดมาได้ซักประมาณหนึ่งเดือนเศษๆ น่าจะเมื่อต้นมีนา61 นี้เอง เห็นในเพจเค้าบอกว่าเป็นร้านในเครือเดียวกันกับร้านบ้านร่มไม้สายน้ำ (ที่อยู่ใกล้ๆตลาดน้ำดอนหวาย) เคยไปกินร้านนั้นมาหนนึงแล้ว อยู่ติดริมแม่น้ำ บรรยากาศดีมากๆ
[The Decor]
บรรยากาศการตกแต่งของร้านอรีส ARIS ค่อนข้างจะดูโมเดิร์นและร่มรื่น ตกแต่งสไตล์ออกไปทางแนวลอฟท์ มีต้นไม้เขียวๆ ปลูกไว้ล้อมทั่วบริเวณ. ลองเดินชมรอบร้าน ไปหนึ่งรอบพบว่าใหญ่ทีเดียวแหละ ด้านหน้าร้านทำเป็นส่วนหย่อมขนาดย่อมๆ เหมือนเพิ่งลงต้นไม้ยังไม่ครบนัก มีมุมถ่ายรูปด้วย คิดว่ารอให้ต้นไม้โตอีกหน่อย รอตกแต่งอีกนิด น่าจะเป็นร้านเก๋มากๆ เหมาจะพาคุณแฟนมาทานอาหาร ถ่ายรูปกันสวยๆตามสไตล์สาวๆแน่นอน
เดินเข้าไปในร้าน จะแบ่งชัดๆเป็นโซนห้องอาหารใหญ่ กว้างมากทีเดียว โต๊ะอาหารจัดวางดูดี มีแชนเดอร์เลีย หรือโคมฟ้าระย้า ที่สวยมากทีเดียว อยู่ในห้องกระจก และมีโซนห้องอาหารเล็กอยู่อีกฝั่งนึง ทั้งสองห้องเป็นห้องแอร์แต่สามารถมองวิวผ่านกระจกออกมาเห็นต้นไม้เขียวๆข้างนอกได้ ส่วนพื้นที่ระหว่างกลางจะมีที่นั่งแบบ Outdoor ไว้บริการอยู่หลายโต๊ะเหมือนกัน คือถ้ามาช่วงกลางวัน อากาศร้อนๆเข้าห้องแอร์ดีสุด ส่วนโต๊ะด้านนอกเอาท์ดอร์เหมาะกับช่วงเย็นๆ แดดร่มลมโชย น่าจะชิลล์กว่า
[Food]
มาที่เมนูอาหารของที่ร้านดูๆ แล้วจะเน้นไปทางอาหารไทย ซีฟู้ดแล้วก็มีเมนูอาหารจีน ผสมอยู่บ้าง จริงๆเคยไปกินที่ร้านบ้านร่มไม้สายน้ำ มาครั้งนึงแล้ว ดูเมนูแล้วคล้ายกันมาก เพียงแต่ว่าที่นี่มันคนละบรรยากาศกัน ร้านเดิมมันแบบชิลล์ริมน้ำ ส่วนร้านอรีส ร้านใหม่นี้อารมณ์สไตล์ Loft ในสวน
ดูเมนูที่สั่งมาทานกันวันนี้จานแรกอยู่ในลิสท์ จานแนะนำของร้านชื่อว่าเป็ดกีตาร์ (800 บาท)
ตอนแรกเราก็งงว่ามันคือเป็ดอะไร พนักงานเขาบอกว่าเป็นเป็ดทั้งตัว ที่ชื่อว่าเป็ดกีตาร์ เพราะขั้นตอนการเตรียมอาหารที่ต้องขึงเป็ดผึ่งลมไว้กับราวซึ่งมีลักษณะคล้ายๆเหมือนกีตาร์นั้นเอง ตัวนี้เสิร์ฟมาพร้อมกับแป้งโรตีมาเลเซียทอด จิ้มกับน้ำซอสหวานสีดำๆข้นๆ ตัวเป็ดหนังจะกรอบ เนื้อนุ่ม ทานคู่กับโรตีจิ้มซอสแล้ว เอ๋อ...เข้ากันดีจิง คิดได้ไงเนี้ย
2. ปลาบู๋นึ่งซีอิ๊ว (ขีดละ120บาท xน้ำหนักตามขนาดปลา) ตัวที่กินนี้หนัก8ขีด
เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำของร้าน จริงๆไปกินร้านอื่นๆจะบอกว่า หาทานเมนูปลาบู๋ค่อนข้างยาก ไม่ค่อยมีร้านไหนเอามาขายกัน เขาว่าปลาบู๋เป็นราชาของปลาน้ำจืด เมนูนี้เขาเอาไปนึ่ง แล้วมาราดซอสซีอิ๊วสูตรพิเศษของร้าน ผมสารภาพว่าเพิ่งจะได้ลองชิมเมนูปลาบู๋ครั้งแรกก็ที่นี้แหละ เนื้อปลาค่อนข้างแน่นและนุ่มมาก ไม่ค่อยมีกลิ่นคาวเลย ตัวซอสทำมาค่อนข้างดีรสกลมกล่อมมากๆ แทรกซึมเข้าไปในเนื้อปลาค่อนข้างดี ที่แตกต่างก็คือร้านเขาเสิร์ฟเมนูนี้ มาพร้มกับเส้นใหญ่เอาไปทอดแล้วตัดออกมาเป็นชิ้นๆ เหมือนชิ้นพิซซ่า ตัวแป้งจะกรอบที่ขอบนอก นุ่มใน กินแล้วมันเข้ากันดีกับน้ำซีอิ๊วของปลาบู๋
3. หมีกแดดเดียว ( 240 บาท)
หั่นหมึกออกเป็นเส้นยาวๆเหมือนกัน ชิ้นใหญ่ ไม่เหนียวเกินไป ทานคู่กับมายองเนสผสมวาซาบิ ออกรสนุ่มๆผสมเผ็ดๆแบบวาซาบินิดๆ
4. สลัดกุ้งกระทงทอง (250 บาท)
ก็คือสลัดผลไม้หลากหลาย ทั้งแคนตาลูป สัปปะรด แก้วมังกร มะเขือเทศราชินี แล้วมีกุ้งทอดกรอบทั้งตัวมาเป็นพระเอก เสิร์ฟมาในกระทงเผือกทอดกรอบแล้วเป็นภาชนะใส่ผลไม้ต่างๆไปในตัว ราดด้วยน้ำครีมสลัด
6. เมี่ยงปลาช่อนทอด (350 บาท)
จานแนะนำ ที่เราเห็นในเมนูแว็บแรกแล้วต้องสั่งเลย ที่ร้านนี้เขาจะหั่นเนื้อปลาเป็นชิ้นๆ เลาะเนื้อทั้งตัวแล้วเอาไปทอดกรอบทั้งชิ้น เพื่อความสะดวกในการทาน เสิร์ฟมาพร้อมเครื่องเคียงมากมายตามภาพเลย มีทั้งขิง ข่า พริก หอมแดง ถั่วลิสง กุ้งแห้ง มะม่วง หมี่กรอบ และใบพลูสำหรับห่อ วิธีกินก็จะเหมือนเรากินเมื่ยงคำเลย คือเอาใบพลูมาจับเป็นทรงกรวยแล้ววางชิ้นปลาลงไปพร้อมเครื่องเคียงตามชอบ ตบท้ายด้วยการราดซอสหวานๆของร้าน แล้วก็อั้ม คำใหญ่ๆเต็มปากไปเลย
7.เนื้อปลาคังลวกจิ้ม (290 บาท)
ปลาคังค่อนข้างสดมากที่นี่ เพราะแค่เห็นตอนมาเสิร์ฟก็จะเห็นว่าชิ้นปลาค่อนข้างจะขาวเด้ง สะดุดตามากๆ จิ้มกับน้ำซีฟู้ดแค่นี้ก็อร่อยแล้ว
สรุปข้อดี
-โดยรวมถือว่ารสชาติดีที่เดียว...จากหลายๆเมนูที่สั่งมาทานกัน จริงๆสั่งเมนูที่เป็นรายการ signature ของร้านด้วยแหละ เลยค่อนข้างที่จะอร่อยอยู่แล้วทั้งนั้น
และเนืองจากร้านนี้เป็นร้านที่ 2 เจ้าของเดียวกันกับบ้านร่มไม้สายน้ำ เลยเชื่อมือได้สบายในรสชาติและคุณภาพอาหาร
-โลเคชั่นถือว่าดี หาไม่ยาก เพราะอยู่ติดถนนใหญ่ จุดสังเกตุมาร้านนี้ก็คือ หาปั้ม Susco สาย5ให้เจอ แล้วก็ถัดไปอีกนิดก็เจอร้านอรีสแล้ว (จริงๆหน้าร้านก็มีป้ายไฟของร้านนะ แต่ว่าป้ายของ Susco มันใหญ่และเด่นกว่า)
-ราคาอาหารถือว่ากลางๆ-สูง เหมาะพาครอบครัวมาทานข้าว พาแฟนมาเดท พาแขกผู้ใหญ่มาเลี้ยงรับรอง ไรงี้
-ห้องโถ่งใหญ่ ตกแต่งสวยงามๆ คิดว่าเหมาะสำหรับงานจัดเลี้ยง งานปาร์ตี้สังสรรค์ น่าจะเวิร์คทีเดียว เห็นในเพจบอกว่ารองรับได้ 300-400 คนเลย
สรุปข้อติ
-ที่จอดรถของร้านอยู่ด้านหลัง หากใครมาครั้งแรกอาจจะงง เพราะไม่มีประตูทางเข้ารถยนต์ฝั่งที่ติดถนนใหญ่ แต่ร้านก็มีป้ายบอกชัดเจนว่า ให้เลี้ยวไปซอยข้างๆติดกันกับร้าน จะมีที่จอดรถอยู่
-ราคาอาหารของร้านในเมนูยังไม่รวม Vat 7% นะคับ....เวลาเช็คบิล อย่าตกใจว่าจะมี Vat เพิ่มมาอีก
-บรรยากาศขนาดนี้ น่าจะมีเอากาแฟ และเบเกอรี่ หรือพวกโทสต์ วัฟเฟิล แพนเค้กอะไรๆแนวนี้มาขายด้วย น่าจะเวิร์คนะ เราว่าสาวๆมาเห็นบรรยากาศน่านั่งชิลล์ ถ้ามีโทสต์พร้อมสมู้ทตี้ หรือกาแฟสด น่าจะบันเทิงเริงรมย์ทีเดียว
จะจองห้องประชุมครับ ขอบคุณครับ
ครัวสุขดี Seafood & Delivery พระราม2 ร้านนี้อยู่ในซอย28 ถนนพระราม2 เป็นร้านเหมาะมากสำหรับกลุ่มครอบครัว เพราะทางร้านมีอาหารทั้งแนวซีฟู้ด อาหารไทย อาหารจีน , จุดเด่นของที่นี้คือมีมุมของเล่นเด็ก จัดโซนเอาไว้เหมือนเป็น Playground ให้เด็กเล็กๆมาวิ่งเล่น ลอดอุโมงค์ ขึ้นสะพาน เล่นสไลเดอร์ได้ เหมือนมุมเด็กเล่นในร้านแมคโดนัลด์แบบนั้นเลย
ร้านนี้อยู่ซอยพระรามสอง ซอย28 (หรือซอยวัดสีสุก) เข้ามาในซอยขับตรงมาเรื่อยๆ พอผ่านปั้มน้ำมันบางจาก ตรงมาตามทาง เมื่อข้ามสะพานคลอง(ลัดเช็ดหน้า) ลงสะพานปุ๊ป ก็เจอร้านเลย อยู่ฝั่งขวามือ สามารถจอดรถได้บริเวณหน้าร้าน ตลอดทั้งฝั่ง
ร้านนี้มีเมนูเด็ดดวงหลายอย่างเช่นกัน ที่ชิมมาแล้วต้องบอกว่าเยี่ยมก็เช่น กุ้งอัลมอนด์ (กุ้งทอดแล้วชุปด้วยอัลมอนด์เคลือบไปทั้งตัวเลย) , กุ้งผัดพริกขี้หนู , ต้มยำกุ้งน้ำข้น , ออมเลตปู-กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา , ปลากะพง2หน้า (เลือกหน้าได้จาก 8 หน้าที่มี เช่นทรงเครื่อง ,ทอดกระเทียม, สามรส, ราดพริก, ทอดน้ำปลา, ผัดพริกไทดำ) , ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน , โรตีแกงเขียวหวาน
ราคาอาหารจัดได้ว่าถูกเลยนะครับ...ไปกินกัน4-5 คน แต่หารออกมาแล้วตกคนละ 2-300 กว่าบาทเอง (นี้คือแบบอิ่มจุกเลยนะ) ถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคาทีเดียว สำหรับร้านนี้
ร้านยังมีบริการสั่งอาหารส่ง Delivery ผ่าน Lineman ได้อีกด้วย ไม่ต้องมาที่ร้านก็สั่งอาหารผ่านไลน์แมน แล้วให้ไปส่งที่บ้านได้เลย (ราคาเท่ากัน เพิ่มเต็มก็ค่าส่งตามระยะทาง)
ร้านครัวสุขดีตั้งอยู่ที่พระรามสองซอย 28 เข้าซอยไปประมาณ 3-400 เมตรเท่านั้น มีบริเวณกว้างขวาง เหมาะสำหรับไปทานกันแบบครอบครัว ในร้านมีให้บริการทั้งโซนกลางแจ้งและห้องแอร์ รวมถึงมีสนามเด็กเล่นสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็กๆด้วยครับ
ร้านครัวสุขดี เป็นร้านอาหารแนวไทย-จีน และเน้นซีฟู๊ดครับ อาหารทะเลของร้านนี้สดใหม่และคัดไซส์มาเป็นอย่างดี ใครมาทานรับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
สำหรับตอนนี้มีโปรโมชั่น เซ็ทเมนูราคา 799.- จะแบ่งเป็นหมวดๆครับ มีสี่หมวดด้วยกันคือ ปลากระพง, กุ้ง, ห่อหมกหรือผัด, ต้มหรือแกง
โดยในหนึ่งหมวดสามารถเลือกอาหารได้ 1 รายการครับ แต่ละรายการก็สามารถเลือกได้ว่าจะปรุงแบบไหน
จะทานปลากระพงทอดน้ำปลา กุ้งผัดพริกขี้หนู ห่อหมกทะเล ต้มยำกุ้งน้ำข้น หรืออื่นๆ ก็เลือกได้ตามที่ชอบเลยครับ
นอกจากนี้แล้ว เซ็ทนี้ยังเสิร์ฟข้าวสวยอีก 4 จาน เซ็ทแบบนี้ เหมาะมากๆสำหรับท่านที่มาเป็นครอบครัว อิ่มแบบคุ้มค่าครับ
เมนูแนะนำที่ขอบอกว่าห้ามพลาดก็มี กุ้งผัดพริกขี้หนู ราคา 150 บาท ที่ใช้กุ้งแชบ๊วยตัวใหญ่คัดไซส์พิเศษ ผัดกับพริกขี้หนูสวนรสร้อนแรง จานนี้อร่อยเด็ดครับ กุ้งผ่าหลังมาแล้วทานไม่ยากด้วย
หรือถ้าไม่ทานเผ็ด ก็ขอแนะนำ กุ้งทอดอัลมอนด์ ราคา 180 บาท ที่นำกุ้งไปชุบแป้งที่ผสมด้วยอัลมอนด์ แล้วทอดจนเหลืองกรอบ ที่ทำให้ได้รสชาติอร่อยของกุ้งทอด และได้ความมันจากอัลมอนด์ฝาน ถ้าพาคุณหนูๆมาด้วย สั่งจานนี้เลยครับ ถูกใจแน่นอน
อีกเมนูยอดฮิต ออมเล็ตปูกะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ราคา 120 บาท ที่นำกะหล่ำปลีที่แกะเรียบร้อยแล้ว ไปฉ่ากับน้ำปลาในกระทะ แล้วรีบนำขึ้นเพื่อไม่ให้เสียความกรอบ แล้วทำออมเล็ตเนื้อปู ที่ใส่ปูก้อนชิ้นใหญ่ๆ มาราดลงบนกะหล่ำ อร่อยกลมกล่อมครับจานนี้
หรือถ้าชอบเมนูปลา ที่ร้านนี้มีพิเศษนะครับ คือ ปลากระพงหนึ่งตัวไซส์แปดขีด ถ้าทำอย่างเดียวจะอยู่ที่ 299 บาท แต่จะเลือกทำสองอย่างเลยก็ได้ โดยเพิ่มเงินแค่ 30 บาทเท่านั้นครับ เช่น ด้านนึงจะทอดน้ำปลา อีกด้านนึงจะทำแบบทรงเครื่อง ก็ทำได้เลยครับ
และเมนูอื่นๆที่ไม่ควรพลาดก็มี โรตีแกงเขียวหวาน ที่นำแกงเขียวหวานหมูมาราดลงบนแผ่นโรตีกรอบๆ ต้มยำกุ้งน้ำข้น สูตรพิเศษที่ใส่เนื้อมะพร้าวลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความหวานหอมแบบธรรมชาติครับ
และขอแนะนำของหวาน โรตีนมข้นหวาน ทานคู่กับไอศกรีมโฮมเมด ลูกละ 25 บาท ที่มีให้เลือกหลายรสด้วยกันครับ
อ่านReview ฉบับเต็มต่อได้ที่
https://goo.gl/W8KyCu
ขอบคุณครับ
เมื่อเดือน ตุลาคม 2560 พี่ไปสั่งอาหาร 2 ครั้ง พี่สังเกตุเห็นพนักงานไม่มีความกระตือรือร้นในการให้บริการเลยค่ะ สั่งอาหารแล้วก็ต้องรอทุกครั้ง
ร้าน Love Eat Bistro เป็นร้านอาหารปักษ์ใต้แท้ๆสูตรบ้านพังงา จากสำรับกับข้าวของคุณเพลิน บุญสูง ที่เป็นคุณแม่ของเจ้าของร้าน ดังนั้นแต่ละเมนูจะมีรสชาติจัดจ้านตามสไตล์อาหารใต้ และวัตถุดิบแต่ละอย่างก็คัดสรรมาอย่างพิถีพิถันเพื่อนำมาปรุงอาหารครับ
ขอเริ่มที่เมนูสำคัญที่ขาดไม่ได้เมื่อมาทานอาหารปักษ์ใต้ครับ "แกงปูสูตรบ้านพังงา กับกะทิคั้นสดและเครื่องแกงสูตรลับ เสิร์ฟพร้อมเส้นหมี่" 495 บาทครับ แกงปูรสชาติเข้มข้นมาก เนื้อปูก็ให้มาก้อนใหญ่ๆ ตักน้ำแกงราดลงบนเส้นหมี่แล้วทานพร้อมๆกัน อร่อยจริงๆครับ ถ้าเผ็ดเกินไป ก็มีสับปะรดเสิร์ฟมาคู่กันให้ทานแก้เผ็ดครับ
และยังมีอีกหลายเมนูที่ห้ามพลาด "คั่วกลิ้งคอหมูกับผักแนม" ราคา 255 บาท หรือถ้าไม่ทานหมูก็สั่งเป็นคั่วกลิ้งไก่ได้นะครับ รสชาติจัดจ้านตามแบบคั่วกลิ้งใต้ขนานแท้ "แกงเขียวหวานเนื้อตุ๋น" 285บาท อร่อยมากครับ ประทับใจ เนื้อตุ๋นชิ้นใหญ่แต่นุ่มไม่มีกลิ่นคาว น้ำแกงก็หอมมากๆ ซึ่งนอกจากพริกแกงเขียวหวานตามปกติแล้วก็ยังมีเพิ่มเติมเครื่องเทศสูตรพิเศษลงไปด้วยครับ "ผัดสามเหม็น" ราคา 295 บาทครับ สามเหม็นที่ว่าคือ สะตอ ชะอม และกระเทียมโทนดองครับ ผัดให้เข้ากันกับวุ้นเส้น ช่วยเบรคความเผ็ดของอาหารจานอื่นๆได้ดีเลยครับ
เมนูของหวานก็อร่อยน่าประทับใจไม่แพ้อาหารคาวครับ "กล้วยเชื่อมไอศกรีมมะพร้าวเผา คาราเมลน้ำตาลโตนด" ราคา 185 บาทครับ ไอศกรีมมะพร้าวเผาสูตรพิเศษที่ทางร้านทำขึ้นเอง ราดด้วยคาราเมลที่ทำจากน้ำตาลโตนดสด เสิร์ฟพร้อมกับกล้วยเชื่อม "ลาวาใบเตย" ราคา 215 บาท เค้กลาวาเนื้อนุ่มๆ ทำจากน้ำใบเตยคั้นสด ด้านในเป็นครีมลาวาใบเตยหอมๆ เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมวานิลาครับ
อ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/PpYwUg
ขอบคุณครับ
วันนี้มาทำธุระย่านลาดพร้าววังหิน ใจอยากกินอาหารญี่ปุ่นแนวๆซาชิมิ โรลมากิ อะไรแบบนี้ เลยชวนน้องๆไปลองทานอาหารกันที่ร้าน "Kyutaro Japanese Restaurant" ร้านคิวทาโร่ ร้านญี่ปุ่นเล็กๆสไตล์โฮมเมด ตั้งอยู่ตรงข้ามกับ Makro สาขาวังหิน
[พิกัด]
ร้านอยู่ในโซนลาดพร้าววังหิน จากแยกโลตัสวังหิน วิ่งตรงไปทางโชคชัย4 ประมาณ 100 เมตรนิดๆ เจอร้านลุงใหญ่(อาหารอีสาน) ถัดไปอีกห้องก็จะเจอร้าน Kyutaro ซึ้งมองไปตรงข้ามก็จะเจอแมคโครสาขาวังหินพอดี
คือร้านค่อนข้างเล็ก ประมาณ 1 ห้อง โต๊ะมี 5-6 โต๊ะเองในร้าน แต่ดูลิสต์เมนูอาหารและดูโปรโมชั่นของร้านแล้ว ทำให้อยากมาลองมากกว่า (โปรเยอะ ทั้งเช็คอิน ทั้งแอดไลน์ ได้น้ำฟรี ได้ยำสาหร่ายฟรี รออะไรละคับของฟรีชอบอยู่แล้ว อิอิ)
[Decor]
บรรยากาศในร้านเป็นห้องแอร์ ดูเรียบง่าย ภายในร้านตกแต่งแบบ Minimal มีตุ๊กตาตัวเล็กๆ พวกโดราเอมอนและผองเพื่อนอีกมากมายตั้งเรียงรายกันบนชั้นวางของ ผนังของร้าน
[Food & Beverage]
ร้านนี้มีอาหารญี่ปุ่นหลากหลายแนวให้บริการ ทั้งประเภทซูชิ ซาชิมิ ข้าวหน้าดงบุริ ราเม็ง อูด้ง เทมปุระ หรือพวกอาหารเซ็ท ปลาซาบะย่าง ปลาแซลมอน ปลาไหลย่าง เสิร์ฟแบบเป็นเซ็ทพร้อมข้าวและมิโซะซุปก็มี
พวกเบียร์ก็มีทั้งเบียร์ไทย เบียร์นอก เบียร์ญี่ปุ่น Kirin Asahi ก็มีขายด้วยเช่นกัน เมนูที่ได้ลองสั่งมาทานมีดังนี้
อ่อ..นิดนึงร้านนี้ลูกค้าทุกโต๊ะที่มาทาน จะมีออเดิร์ฟเสิร์ฟให้คนละถ้วยด้วยนะ แต่ละวันจะหมุนเวียนกันไป วันนี้ผมได้ "ผักกวางตุ้งคลุกน้ำมันงา" เอาไว้กินเป็นเครื่องเคียงได้เพลินๆ
- สลัดปูนิ่มทอด 359฿ ลดเหลือ 199 ฿
เห็นโปรนี้ที่ร้านก็เลยลองสั่งดูเพราะลดเยอะ เป็นสลัดผัก แล้วใส่ปูนิ่มทอด มาให้ หั่นเป็นชิ้นๆ ผักสลัดสดและกรอบดี มีท็อปปิ้งด้วยยำสาหร่ายวากาเมะ และไข่กุ้งด้านบน ราดน้ำสลัดครีม
- ข้าวหน้าเนื้อไข่ออนเซ็น 165฿
เสริ์ฟมาพร้อมซุปมิโซะ1ถ้วยและกิมจิอีก1ถ้วยเล็ก ถือว่าคุ้มค่ามากเช่นกัน เนื้อหั่นชิ้นหนา นำไปย่างไฟ แล้วราดซอส กลิ่นหอมมากทีเดียว ในชามมีเนื้อให้มา 4 ชิ้นเลยนะ ขนาดของชิ้นเนื้อถือว่าไม่เล็ก ถ้ามาทานมื้อเที่ยงคนเดียว เซ็ทนี้ก็คุ้มค่ามาก
- ชาชูราเม็ง 145฿
ขอชอบว่ากินราเม็งของร้านนี้แล้ว ปลื้มมาก.... น้ำซุปมิโสะ ข้นกำลังดี กินหมดชามนี้แทบซดน้ำเกลี้ยง ที่เซอร์ไพร์มากๆก็คือ หมูชาชู จ้าร้านนี้ใส่มา ตั้ง 5 ชิ้น ถึงขนาดจะดูไม่ใหญ่นัก แต่หั่นชิ้นหนา กัดแล้วฟินจริงๆนะ (ส่วนตัวชอบไปกินชาบูตงบ่อยๆ เราว่าราคาร้านชาบูตงยังแพงกว่าเลย แถมหมูชาชูก็ไม่หนาแบบนี้อีกด้วย) ชามนี้เอาไปเลย 5ดาว (ไม่ใช่ไก่ย่างน้าาา)
- เทมปุระโรลมากิ 250฿
เป็นโรลที่มีไส้ในเป็นกุ้งเทมปุระ และก็มีปูอัด แตงกวา ไข่หวาน ม้วนโรลเป็นมากิ แล้วคลุกด้านนอกด้วยไข่กุ้ง เสิร์ฟมา 1 ถาดขนาด 8 ชิ้น ถือว่าเป็นเมนูที่แนะนำน่ามาลอง
- ซาชิมิรวม 395 ฿
เซ็ทซาชิมิของร้านนี้เสิร์ฟมาบนโบล์สแตนเลสชามใหญ่ มี 5 อย่างด้วยกันได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาโอ(หรือปลาทูน่า) ปูอัด ปลาซาบาะดอง และ ไข่หวาน
แซลมอนและปลาโอ หั่นชิ้นใหญ่ ลายสวยงามตามท้องเรื่อง ส่วนปลาซาบะดอง ปกติไม่ค่อยชอบกิน เพราะเคยกินร้านอื่นๆแล้วมันออกคาวๆ แต่ของร้านนี้ทำมาดีมากคับ ไม่มีกลิ่นคาวปลาเหลืออยู่เลย ดูจากจำนวนชิ้นปลาและราคาที่ขาย ถือว่าคุ้มค่าอยู่นะ
- กุ้งเทมปุระ 120฿
ฟินต่อเนื่องจากเทมปุระโรลมากิ เลยสั่งเมนูนี้มาเพิ่ม ในจานมีกุ้งเทมปุระ 3 ตัวใหญ่ๆ ชุปแป้งเทมปุระ กรอบกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมกับ แครอท หัวหอม และใบโอบะชุปแป้งทอดเช่นกัน มีด้านหลังเป็นคล้ายๆบะหมี่เอามาทอดกรอบ จิ้มน้ำจิ้มกินอร่อยดีนะ ร้านนี้ชุปแป้งไม่หนามาก กัดไปนิดเดียวก็ถึงเนื้อกุ้งแล้ว (ไปกินบางร้านนี้ ชุปแป้งหน้าเป็นเซนติเมตรเลย)
ความดีงามของร้านนี้คือมีโปรเยอะ และสามารถใช้ร่วมกันได้อีกด้วย
เช่นถ้ามาทานตอน 15.30 - 20.00 น. จะได้ลดราคาอาหารไปอีก 20 % โฮโฮโฮ ดีจัง
แถมมีโปรถ่ายรูปเช็คอิน Facebook แล้วได้เครื่องดื่มฟรีอีกด้วย (น้ำชาเขียว , โค้ก หรือน้ำเปล่าก็ได้)
และยังมีโปรแอดเฟรนด์ Line@ ของร้าน ได้ฟรียำสาหร่ายวากาเมะอีกถ้วย
สรุปคือถ้าไปช่วงบ่าย3ครึ่ง - 2ทุ่ม แล้วกดเช็คอินและแอดไลน์ร้าน นี้คือได้ทั้งส่วนลด ได้ทั้งน้ำฟรี ได้ของทานเล่นอีก1ถ้วย คุ้มกว่านี้คงไม่มีอีกแล้วละ ....^^
ใครอยู่ย่านลาดพร้าว วังหิน โชคชัย4 น่าแวะไปลองมากครับ ร้านคิวทาโร่เปิดทุกวันนะ ตั้งแต่เที่ยงวัน-ยันเที่ยงคืน
มีโอกาสมาทำธุระแถวๆสุวินทวงศ์ และพอดีกับที่เพื่อนท่านหนึ่งได้แนะนำร้านชาบูที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อไม่นานมานี้ อยู่ใกล้กับตลาดสี่แยกหนองจอก ร้าน "Shabu for U" ครับ
ร้านชาบูฟอร์ยูเป็นร้านชาบูแบบบุฟเฟ่ต์ ที่มีให้บริการในสองราคา คือ 289 บาท และ 389 บาท ครับ
โดยในราคา 289 บาทจะมีบริการสันคอหมูคุโรบูตะ สันนอกหมูคุโรบูตะ กุ้งขาว และอาหารทุกอย่างบนสายพาน
ส่วนน้ำซุปจะสามารถเลือกได้สี่แบบคือ น้ำซุปเห็ดหอม น้ำซุปต้มยำน้ำใส น้ำซุปแจ่วฮ้อน และน้ำซุปต้มโคล้งครับ
และราคาคือ 389 บาท จะเพิ่มเนื้อวัวออสเตรเลีย ส่วนไหล่ ใบพาย ริบอายและแองกัส
และมีเพิ่มเติมคือ เบคอนหมูคุโรบูตะและหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ครับ
ส่วนน้ำซุปจะสามารถเลือกได้หกซุป โดยเพิ่ม ซุปชาบูน้ำดำ และซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้นครับ
โดยบุฟเฟ่ต์สองราคานี้ เป็นราคาที่เน็ทแล้วนะครับ รวมเครื่องดื่มที่มีทั้งน้ำเปล่า น้ำอัดลม ชาเขียว
และอาหารทานเล่นพวกซูชิ ของทอด และของหวานที่มีแพนเค้ก สายไหม ขนมหวาน ผลไม้และไอศกรีมโฮมเมดครับ
ผมทานชุด 389 บาทครับ และสั่งน้ำซุปมาสี่แบบ (เพราะไปกันสี่คน) คือน้ำซุปชาบูน้ำดำแบบญี่ปุ่น น้ำซุปต้มยำมันกุ้งน้ำข้น น้ำซุปเห็ดหอท และน้ำซุปแจ่วฮ้อนครับ
ซึ่งน้ำซุปของที่ร้านชาบูฟอร์ยู จะรสอ่อนๆ ไม่เข้มข้นมาก เพราะอยากให้ซดได้คล่องคอครับ
ผมชอบมากๆ เพราะน้ำซุปชาบูน้ำดำแบบญี่ปุ่น ถ้าต้มไปเรื่อยๆบางครั้งมันจะเข้มจนทานไม่ไหว แต่ของร้านชาบูฟอร์ยู ทานไปเรื่อยๆ ซดน้ำซุปไปด้วย ก็ยังสบายๆครับ
นอกจากชาบูแล้ว อาหารทานเล่นก็ยังน่าสนใจครับ มีทั้ง กะหล่ำปลีทอดน้ำปลา ไก่ชุบแป้งทอด ตับหมูทอดกระเทียมพริกไทย และปอเปี๊ยะทอด
และยังมีซูชิ ที่เป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ ปูอัด ยำสาหร่ายญี่ปุ่น และสลัดปูอัดครับ
ในส่วนของของหวานก็มีให้ทานอีกหลากหลาย ที่นี่มีซุ้มทำแพนเค้กและซุ้มทำสายไหม ซึ่งจะทำด้วยตัวเอง หรือขอให้น้องๆพนักงานทำให้ก็ได้นะครับ
มีไอศกรีมแบบโฮมเมด ขอแนะนำ สตรอวเบอร์รี่เชอร์เบตที่อร่อยมากๆ ได้ความเปรี้ยวอมหวานของสตรอวเบอร์รี่แบบเต็มๆ
และยังมีขนมหวานแบบไทยๆ ที่มีลอดช่องวัดเจษเป็นตัวเด็ดด้วยครับ
รีวิวฉบับเต็มอ่านได้ที่
https://goo.gl/9g36Gk
วันนี้มาทานร้านอาหารญี่ปุ่นสไตล์โฮมเมด "คิวทาโร่" ย่านลาดพร้าววังหินครับ จากแยกโลตัสวังหิน เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยโชคชัย4 เพียง 100 เมตรก็จะเจอกับร้าน "Kyutaro" แล้วครับ
เนื่องจากว่า ร้านคิวทาโร่เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นแบบโฮมเมด อาหารทำสดใหม่ทุกจาน ก็ต้องรออาหารกันนิดนึงนะครับ แต่ไม่นานจนรอไม่ไหวแน่นอน ระหว่างที่รอ ทางร้านจะเสิร์ฟออเดิร์ฟสำหรับทานเล่น ซึ่งออเดิร์ฟนี้ก็จะเปลี่ยนเมนูไปเรื่อยๆนะครับ สำหรับวันนี้เป็น "ผักกวางตุ้งคลุกน้ำมันงา" หอมอร่อยครับ
สำหรับเมนูแนะนำก็ได้แก่ "สลัดปูนิ่ม" ที่ช่วงนี้มีโปรโมชั่น จากจานละ 359 บาท เหลือเพียง 199 บาทเท่านั้น ซึ่งผักสดกรอบ ปูนิ่มชุบแป้งทอดให้มาหลายชิ้น น้ำสลัดซีซ่าร์สูตรพิเศษ คลุกให้เข้ากันแล้วทาน อร่อยมากครับ
"ข้าวหน้าเนื้อไข่ออนเซ็น" ราคา 165 บาท ที่ใช้เนื้อสามชั้นนำเข้าจากอเมริกา หมักกับเครื่องเทศแล้วผัดกับกระเทียมและซอสหวาน เสิร์ฟพร้อมไข่ออนเซ็น จานนี้คนรักเนื้อห้ามพลาดครับ
"ชาชูราเมง" ชามใหญ่ยักษ์แต่ราคาเพียง 145 บาทเท่านั้น ซึ่งหมูชาชูของที่นี่เด็ดมากๆ ใช้เวลาเคี่ยวในน้ำซอส 7 ชั่วโมง แล้วแช่ทิ้งไว้อีกหนึ่งวันเพื่อให้ซอสซึมเข้าเนื้อหมู โดยในราเมงหนึ่งชาม ให้หมูชาชูมาห้าชิ้นใหญ่ๆเลยครับ ส่วนน้ำซุปจะเป็นซุปมิโสะที่ทำจาหมิโสะ ปลาแห้ง และเห็ดหอม เข้ากันได้ดีกับเส้นราเมงเหนียวนุ่มและหมูชาชูรสเข้มข้นครับ
เมนูอื่นๆที่ไม่อยากให้พลาดก็จะมี "เทมปุระโรลมากิ" ที่นำกุ้งเทมปุระทั้งตัวมาโรลเป็นมากิซูชิ "ซาชิมิรวม" ที่ประกอบไปด้วย แซลมอนสด ปลาโอสด ปลาซาบะดอง ปูอัด และไข่หวาน ซึ่งปลาซาบะดองของร้านคิวทาโร่ทำได้ดีมากๆ ไม่มีกลิ่นคาวเลยแม้แต่นิดเดียว และ "กุ้งเทมปุระ" ที่ใช้กุ้งแชบ๊วยไซส์ใหญ่สุด มาคลุกด้วยแป้งทอดกรอบสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้นเอง ได้เปลือกนอกที่บางกรอบไม่เหมือนใคร ต้องมาลองครับ
สวัสดีครับ วันนี้มากันไกลถึงพัทยาใต้ ชลบุรีเลยครับ มาเที่ยวแล้วก็แวะหาของอร่อยๆทาน เลยได้พบกับร้าน "เรือไม้" ครับ ร้านเรือไม้จะเปิดให้บริการในสองช่วงเวลานะครับ
โดยช่วงสายๆถึงซักประมาณบ่ายสองโมง ร้านเรือไม้จะให้บริการข้าวราดแกง ก๋วยเตี๋ยว และขนมหวานครับ ส่วนตั้งแต่ช่วงเย็นเป็นต้นไป จะให้บริการแบบร้านอาหารทั่วไปโดยเน้นอาหารทะเลครับ
วันนี้ผมมาถึงตอนเที่ยงกว่าๆพอดี เลยขอลองเมนูเด็ดครับ ที่ขอแนะนำเลยคือ "บะหมี่ขาหมู" ราคา 60 บาทเท่านั้นครับ โดยเส้นบะหมี่จะเป็นเส้นโบราณนะครับ
เส้นเล็กๆ เหนียวนุ่ม ขาหมูรสชาติดี น้ำพะโล้จะเบาๆ ไม่มันเลี่ยน รสชาติกลมกล่อม ทานกับเส้นบะหมี่แล้วเข้ากันมากๆครับ
ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ นี่ก็ห้ามพลาดนะครับ มีทั้งก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวไก่ต้มยำ ทึ่เป็นไก่ฉีก น้ำต้มยำแบบถั่วคั่วพริกคั่ว รสชาติจัดจ้านมากๆครับ
หรือท่านใดชอบเย็นตาโฟก็มีให้บริการนะครับ ซอสเย็นตาโฟสูตรเด็ดที่ทางร้านทำเอง รสชาติไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน แถมเครื่องเย็นตาโฟก็สดใหม่ไม่มีกลิ่นคาวครับ
นอกจากก๋วยเตี๋ยวก็ยังมึข้าวราดแกงด้วยนะครับ มีหลากหลายเมนูทั้ง คั่วกลิ้ง พะแนง ไข่พะโล้ แกงเขียวหวาน แกงหมู แกงเนื้อ ที่ผมขอแนะนำก็คงเป็น
ขนมจีนแกงเขียวหวานไก่ ที่รสชาติอร่อยกลมกล่อม ไก่ก็มาเป็นชิ้นโตๆเนื้อๆทั้งนั้น ราคาจานละ 45 บาทเท่านั้น คุ้มค่ามากๆครับ
นอกจากนี้ยังมีขนมไทยให้บริการ ทั้งกล้วยเชื่อม ฟักทองเชื่อม ขนมใส่ไส้ และขนมหวานน้ำแข็งไสนานาชนิดครับ
บรรยากาศดีกว่าที่คิดไว้มากๆครับ เมนูที่มีคนแนะนำมาก็ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ ชิลล์มากครับร้านนี้แนวครอบครัวสุดๆ
แต่มาทานแบบจานเดียวก็ฟินอยู่ครับ ถ้าเพื่อนพี่น้องแถวนั้นยังไม่รู้จักหรือมาจาก กทม. จ.อื่นผ่านมา อย่าลืมแวะลองครับติดใจแน่นอน
แน่นพุงมากแล้วขอไปพักที่ห้องพักใน "เดอะ ธารา รีสอร์ท" แล้วเดี๋ยวมาต่อมื้อเย็นอีกมื้อครับ ครบเครื่องสุดๆร้านนี้
ถ้าเพื่อนคนไหนสนใจมาแล้วอยากสอบถามข้อมูลลองสอบถามไปที่เพจของร้านดูนะครับ
(https://www.facebook.com/Ruemai/)
อ่านReview ฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/WmyOf4
ขอบคุณครับ
เนื่องจากได้มีโอกาสกลับไปทานอาหารร้าน Swan Lake Cuisine เพราะได้ทราบมาว่า ทางร้านได้นำแฟรนไชส์ของส้มตำชื่อดังในขณะนี้ "ตะบันตำ ตำถาดบันลือโลก" มาลงเพิ่มเติม เลยขอมาลองซะหน่อย
ขอเริ่มที่เมนูแนะนำของร้าน Swan Lake Cuisine ก่อนเลย "ขาหมูสวอนซอส" เมนูดังที่ได้รับรางวัลการันตีความอร่อยจากรายการ The Dish เมนูทอง ครับ โดยนำขาหมูไปตุ๋นกับเครื่องยาจีน แล้วหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ชุบแป้งทอดจนกรอบนอกนุ่มใน แล้วนำไปผัดกับซอสสูตรพิเศษที่ทางร้านคิดค้นขึ้นเอง ใส่เต้าหู้ญี่ปุ่นหั่นเต๋าเพื่อเพิ่มความหนุบหนับเคี้ยวสนุก ทานคู่กับหมั่นโถวทอดที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน อร่อยมากๆครับจานนี้ กลมกล่อมลงตัว
มาต่อกันที่เมนูของร้านส้มตำชื่อดังในขณะนี้บ้าง "ตะบันตำ ตำถาดบันลือโลก" เป็นแฟรนไชส์ที่ทางร้าน Swan Lake Cuisine นำมาลงเพิ่มเติมครับ
เมนูที่ขอแนะนำเลยก็มี "ตำถาดไทย" ราคา 220 บาท บอกก่อนเลยว่า มาใหญ่มากจริงๆ เหมาะสำหรับ 4-5 คนทานนะครับ เพราะเค้าจัดเครื่องส้มตำมาครบครันทั้งเส้นหมี่ ไข่ต้ม ขนมจีน แคบหมู ถั่วฝักยาวสด แครอทชุบแป้งทอด ปลาดุกฟู หมูแดดเดียว คอหมูย่าง ไก่ทอด หมูยอ กุ้งย่าง และกะหล่ำปลีสด ส่วนส้มตำนี่ก็สามารถรีเควสได้ ท่านใดชอบตำลาว ตำปูปลาร้า หรือตำป่า สั่งได้เลยครับ
"ตำกรอบสามรส" ราคา 160 บาท ก็เป็นอีกเมนูแนะนำที่การันตีความอร่อย เพราะได้ออกรายการ "ครัวคุณต๋อย" ครับ เป็นส้มตำที่ใช้มะละกอ เผือก หัวปลี และแครอท ไปชุบแป้งทอดจนกรอบ แล้วผสมน้ำส้มตำสูตรพิเศษ เติมด้วยสับปะรด ไข่เค็ม กุ้งลวก ตำพอแหลก แล้วนำไปราดบนผักชุบแป้งทอด ผักทอดกรอบๆที่ดูดน้ำส้มตำเข้าไปจนชุ่มนี่อร่อยจริงๆครับ
เมนูอื่นๆที่อยากแนะนำอีกก็มี "ตำอ่าง" 300 บาท ที่เป็นส้มตำเสิร์ฟคู่กับซีฟู้ดย่าง ทั้งปลาหมึก กุ้ง ปู และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ หรือ "ตำไหลบัวลงทะเล" 160 บาท ที่นำไหลบัวไปชุบแป้งทอดจนกรอบ ผสมกับน้ำส้มตำสูตรพิเศษ เสิร์ฟพร้อมปูม้าสด กุ้งสด ปลาแซลมอนสด และหอยนางรมสดครับ เมนูนี้ได้ออกรายการ "The Dish เมนูทอง" ด้วย เพื่อนพี่น้องคนไหนยังไม่เคยได้ลิ้มลองสมารถอ่านReviewฉบับเต็มได้ที่
https://goo.gl/JmaZht
ขอบคุณครับ
วันนี้ขอมารีวิวร้านอาหารเกาหลี อร่อยเลอค่า ในย่านเมืองทองธานี กันนะคับ ร้านที่ว่าคือ DooRae Korean BBQ Restaurant หรือภาษาไทยอ่านว่าร้านดูเร
[พิกัด]
ตั้งอยู่ในห้าง BeeHive เมืองทองธานี (ตรงข้ามกับ ม.สุโขทัยธรรมาธิราช) ร้านอยู่ชั้น2 เดินขึ้นบรรไดเลื่อนมาหาไม่ยากคับ อยู่ตำแหน่งเดียวกับ Tops Market แต่อยู่ชั้น2 ร้านนี้พื้นที่ค่อนข้างกว้างมากทีเดียว ใครสนใจอยากเหมาร้าน เพื่อจัดงานเลี้ยง 100 - 150 คนนี้ได้สบายๆเลย
ที่จอดรถก็จอดในห้างได้มากมาย หลายร้อยคัน ถือว่าสะดวกมากทีเดียว
[Decor]
ร้านตกแต่งผสมผสานกันระหว่างความเป็นเกาหลีดั้งเดิมและโมเดิร์นเกาหลีอย่างลงตัว ภายในร้านจะมีโต๊ะอยู่เยอะพอสมควร จัดเป็นซุ้มๆสีขาวๆ โต๊ะเก้าอี้ ให้ความรู้สึกดูดี มีเกรด มีความเป็นร้านระดับ Fine Restaurant เลยทีเดียว
โต๊ะอาหารจะเป็นโต๊ะหินอ่อน ที่ฝั่งเตาไว้ภายในโต๊ะเลย ทำให้ไม่ดูเกะกะ ขณะปิ้งย่าง และระบบดูดควันจะอยู่รอบๆปากเตา ทำให้ไม่เห็นมีท่อดูดควันเกะกะตาเหมือนอย่างพวกร้าน KimJu และร้านเกาหลีอื่นๆ ความเป็นร้านอาหารเกาหลีของร้านนี้ ค่อนข้างเด่นชัดมากๆ อย่างพวกช้อนและตะเกียบเขาก็จะมีกระดาษที่เขียนเป็นภาษาเกาหลี(อ่านไม่ออก)หุ้มไว้อีกชั้นนึง ทำให้ได้ความรู้สึกเหมือนนั่งทานอยู่ ในบรรยากาศร้านแบบเกาหลีมากๆ (คือส่วนตัว ก็กินอาหารเกาหลีมาหลายร้านแล้ว แต่ร้านอื่นๆที่เคยกิน เขาจัดภาชนะ วิธีการเสิร์ฟอะไรต่างๆ ที่บ่งบอกความเป็นไทยอย่างเห็นได้ชัด) แต่ที่สัมผัสได้จากร้านดูเร นี้มันจะอีกอย่างนึงเลย แตกต่างอย่างเห็นได้ชัด
ได้คุยกับผู้จัดการร้าน ก็ได้ความว่า เจ้าของเป็นคนเกาหลี มาเปิดร้านในไทยร้านแรกอยู่ตรง Korean Town สุขุมวิท12 (ที่มีร้านสไตล์เกาหลีเยอะๆอยู่ในนั้น) ตั้งแต่ปี2542 แล้วพอดีมีเพื่อนเจ้าของมาเปิดร้านฟิตเนสที่ห้าง BeeHive แห่งนี้ เห็นทำเลดูดี เลยชวนๆเจ้าของร้านดูเร มาเปิดที่นี้เป็นสาขาที่ 2 ตอนแรกร้านเปิดมาพร้อมห้างบีไฮฟ์ ก็ขายแต่ a la carte อย่างเดียว (เหมือนสาขาแรก) แต่ว่าลูกค้าเข้าน้อย เพราะร้านอาหารใกล้เคียงกัน ก็เป็นร้านบุฟเฟ่ต์ทั้งนั้น ทั้ง Giant Yakiniku , Buta Shabu และร้านญี่ปุ่นในห้างบีไฮฟ์แห่งนี้ก็ขายแบบบุฟเฟ่ต์กันหลายร้าน แถมย่านนี้เป็นชานเมือง คนไม่เปย์มากเหมือนสาขาที่สุขุมวิท ทางเจ้าของเลยตัดสินใจ เพิ่มรูปแบบ Buffet 349 บาทเข้ามาเพื่อเป็นทางเลือกให้ลูกค้ามาลองทานที่ร้านบ้าง (ซึ้งจริงๆ ถ้าใครเคยกินร้านดูเรที่สาขาโคเรียนทาวน์ จะรู้เลยว่าเนื้อหมู เนื้อวัวของที่นี้คัดเกรดมาดีมากๆ ในระดับที่ไม่น่าจะมาขายเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ได้ ถ้าเปิดดูราคาในเล่มเมนูจะเห็นได้ชัดเลยว่า แค่หมูหมักซอส 1 จานราคาอะลาคาร์ตก็ตกจานละ 320-350 บาท แต่ร้านใจป้ำมากๆ ที่กล้า ทำราคาบุฟเฟ่ต์คนละ 349 บาท แบบสั่งได้ไม่อั้นขนาดนี้
คือเอาจริงๆนะ ถ้าไปกินกัน 2 คน สั่งเมนูหมูอะไรมาสัก 3 อย่าง กินพร้อมเครื่องเคียงที่ร้านมีให้ไม่อั้นอยู่แล้ว คิดหัวละ 349 บาทนี้ก็คุ้มแล้วละ จานที่4-5-6 เป็นต้นไปนี้คือกำไรคนกินล้วนๆ
[Food]
เข้าเรื่องอาหารกัน มาร้านนี้ต้องจัดบุฟเฟ่ต์เลย คุ้มค่าสุดๆ กับราคา 349 บาท(เนตแล้วด้วย) ทานได้ 1ชั่วโมงครึ่ง สั่งได้ไม่อั้นในเมนูบุฟเฟ่ต์ที่เตรียมไว้ให้ พร้อมผักทุกอย่างสั่งได้ไม่อั้น และกิมจิเครื่องเคียง ทางร้านจะมี 8 อย่างมาเสิร์ฟให้เรา (พนักงานบอกว่า เครื่องเคียงบางอย่างอาจจะทำสลับๆกันไปในแต่ละวัน แต่จะมีกิมจิหลักๆอยู่5อย่างที่มีทุกวันแน่ๆ)
แต่เมนูบุฟเฟ่ต์จะเน้นไปที่เนื้อหมูและไก่ นะคับ ใครอยากสั่งเนื้อวัวมาทาน ต้องสั่งแยกเป็นจานๆไป (ไม่รวมอยู่ในบุฟฯ ก็ต้องยอมเขาหน่อยอะนะเนื้อวัวนำเข้าราคาค่อนข้างแพง แต่เนื้อวัวที่นี้รสชาติมันเยี่ยมมากมายจริงๆนะขอบอก)
-เครื่องเคียง กิมจิและอื่นๆ (เติมได้ไม่อั้นด้วยนะ)
ร้านดูเรนี้ ถ้ามานั่งทานไม่ว่าจะสั่งแบบ A la Carte หรือ Buffet ก็ตามเราจะได้รับการเสิร์ฟเครื่องเคียงมากมาย 8-10 อย่างตระการตาเต็มโต๊ะเลย (เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเลยที่ทำให้ผมปลื้มกับอาหารเกาหลีมั๊กๆ)
อย่างวันที่ไปกินกับแก็งกรุ๊ปได้เครื่องเคียง มา10อย่าง คือ กิมจิผักกาดดอง , กิมจิมะละกอ , กิมจิหัวไชเท้า, สลัดมันฝรั่ง, หอมดอง, หัวไชเท้าดอง, ปลาเล็กปลาน้อยทอดกรอบ, ยำผักโขม, มันฝรั่งชุปแป้งทอด, สลัดผัก
เมนูปิ้งย่างที่สั่งมาทานกัน
- ซี่โครงหมูหมักซอส (เทจิคาลบี้) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- หมูสามชั้นย่าง (ซัมเดฟไซล) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- สันนอกหมูหมักซอส (ซุฟพูนเทจิบูลโกกิ) [เมนูในลิสต์บุฟเฟ่ต์]
- ซี่โครงเนื้อย่าง (เซ็งคาลบี้) 590 บาท [สั่ง a la carte]
- เนื้อสันนอกย่าง (เซ็งดึงชิม) 550 บาท [สั่ง a la carte]
- เนื้อสไลด์บางหมักซอส (ซุฟพุนบูลโกกิ) 400 บาท [สั่ง a la carte]
ชอบปิ้งย่างของร้านนี้ เพราะ
1.พนักงานจะมาช่วยปิ้งเนื้อ กลับเนื้อ ตัดเนื้อให้เราที่โต๊ะเลย (คือไม่ต้องเรียก แต่มาบริการให้ที่โต๊ะเลย) และเตาถ่านของร้านนี้ไฟแรงจริงๆคับ เนื้อชิ้นใหญ่ๆ เอาลงไปย่างแป็ปเดียวเอง กลับข้างแล้ว อีกแปปเดียว ก็สุก พนักงานยังช่วยกรรไกรตัดเป็นชิ้นๆอีก บริการดีงามมาก ไปกินร้านนี้ช่วยๆทิปพนักงานกันด้วยนะ เพราะว่าสาขานี้เขาไม่มี +Service Charge ใดๆแต่ถ้าชอบบริการก็ติปให้หน่อยเป็นกำลังใจกัน
2. ผักกินแกล้มกับเนื้อย่าง-สดและสะอาดมาก คือเขาจะมีชามใส่ผักกาดหอม+กรีนโอ๊คเรดโอ๊ค+ใบงาหรือใบกันหนีฟ เป็นใบคล้ายๆใบโอบะในร้านญีปุ่น แต่ของสไตล์เกาหลี พนักงานบอกว่า ให้เอาใบงา+ผักกาดหอม เป็นฐานแล้วเอาเนื้อย่างจุ่มซอส มาวางแล้วห่อกิน
3. พนักงานสอนวิธีการกินเนื้อย่างสไตล์เกาหลีแท้ๆ ให้ด้วย ไปกินร้านอื่นๆไม่เคยรู้เลยว่าต้องกินกันแบบนี้เราก็มั่วๆกันไปคือปิ้งเนื้อเสร็จก็จุ่มซอสเข้าปากเลย มาร้านนี้พนักงานทำให้ดูเป็นสเต็ปๆเลยว่า step1-2-3-4-5-6 วางอะไรก่อนหลัง ดีงาม
4. เปลี่ยนตะแกรงวางเนื้อย่างให้บ่อยมาก คือไฟมันแรง พอย่างๆไปสักพัก ตะแกรงเริ่มดำนิดๆ แป็ปเดียวก็มาเปลี่ยนตะแกรงให้ใหม่แล้ว (โดยไม่ต้องเรียกขอด้วยซ้ำไป) คร่าวนี้กินกันไปชั่วโมงกว่า เปลี่ยนตะแกรงไป 6 ครั้งได้มั่ง
เมนูอื่นๆที่สั่งมาเพิ่ม
- ซุปไก่ตุ๋นโสม 420 บาท
เป็นไก่ทั้งตัว (ตัวเล็กๆตามสไตล์นั้นแหละ ยัดพวกโสม-ข้าวเหนียว-พุทรา-เก๋ากี้ และเครื่องเทศต่างๆเข้าไปข้างในตัวไก่ แล้วตุ๋นไก่มาทั้งตัว เสิร์ฟมาในหม้อร้อนๆแบบสไตล์เกาหลี เนื้อไก่ตุ๋นมาจนนุ่มมาก กินง่าย รสชาติไม่จัดจ้านมากนัก ตามสไตล์ แต่เป็นเมนูที่กลมกล่อมมากทีเดียว
- ข้าวยำเกาหลีเนื้อสด (ยุคเคบีบิมบับ) 330 บาท
เมนูนี้เป็นของโปรดที่ชอบมากๆ ถ้าไปร้านไหนมีเมนูนี้ต้องสั่งมาลองทุกร้านไป สำหรับที่ร้าน Doorae มีเมนูข้าวยำบิบิมบับ ให้เลือก 4 แบบ ผมเลยขอสั่งแบบ ข้าวยำเนื้อสด คือในชามร้อนที่เสิร์ฟมาก็จะมีข้าว มีผักต่างๆมากมาย พร้อมเนื้อสด และไข่แดง ท็อปปิ้งอยู่ด้านบน ก็ไม่ต้องตกใจว่าจะได้กินเนื้อสดๆหรอกนะ เพราะตามสไตล์ของข้าวยำเกาหลี ชามหินที่มาเสิร์ฟเขาจะทำให้ร้อนมากระดับนึง พอมาเสิร์ฟที่โต๊ะ พนักงานก็ราดซอสโคชูจัง (น้ำพริกเกาหลีสีแดงๆ) ลงไปพร้อมกับทำการคลุกเคล้าส่วนประกอบต่างๆภายในชาม ให้เคล้ากัน ได้เสียงซู้ซ่า พร้อมควันลอยออกมาขณะคลุกนิดๆ ฟีลลิ่งอยากกินมาเต็มเลย
- บูเดจิเก (ซุปหม้อไฟกิมจิใส่มาม่า แฮม ไส้กรอก วุ้นเส้น) 300 บาท
บูเดจิเก หรือซุปหม้อไฟเกาหลี เสิร์ฟมาเป็นหม้อขนาดใหญ่พอควร พร้อมผักหลายอย่าง เส้นรามยอง ไส้กรอก แฮม โบโลน่า หม้อไฟมากทีเดียว ทาน 3 คนก็อิ่มฟินๆเลยนะ
เมนูนี้ก็ตามสไตล์คือ ตั้งไฟให้เดือดแล้วคลุกเคล้าทุกอย่างมารวมกันแล้วตักใส่ชามตัวเองกิน
ป.ล เคยอ่านหนังสือ Korea Diary ของคุณสเลดทอย [สนพ.แซลมอน] เขาเขียนแซวว่าอาหารเกาหลี ส่วนใหญ่ตอนมาเสิร์ฟมักจัดแต่งสวยงาม แต่พอจะกินก็ต้องคลุกทุกอย่างตรงหน้า ให้มันเละเทะแล้วค่อยกิน ซึ้งดูเป็นวัฒนธรรมการกินที่ดูแปลกดี อ่าน Korea Diary แล้วก็เห็นด้วยมากๆกับเรื่องนี้ เพราะหลายเมนูที่เคยกิน มันก็จริงที่ว่าคนเกาหลีเขามักจะคลุกให้มันเละๆรวมผสมกันเป็นเนื้อเดียวกันก่อนแล้วค่อยกิน ทั้งข้าวยำเกาหลี บูเดจิเก ทัลคาลบี้ รวมไปถึงบิงซู ก็ยังต้องคลุกให้มันเละๆก่อนตักกิน
[Dessert]
หลังฟินอาหารหลักไปแล้ว เห็นป้ายสแตนดี้ของร้านมีบิงซูขายด้วย มีอยู่ 5 รสให้เลือก เลยลองสั่งมากิน 2 แบบคือ
- Bingsu Mango 129 Baht
เป็นบิงซูมาในถ้วยขนาดย่อมๆ ไม่เล็กไป ไม่ใหญ่ไป ท็อปปิ้งด้วยมะม่วงสุก หั่นชิ้นใหญ่กำลังดี พร้อมน้ำมะม่วงข้นๆสีเหลืองอ่อนๆ(ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดี) ใส่กาอลูมิเนียมดูดีมากๆมาให้เติมเองอีก1กา รสชาติ หวาน หอม มัน อร่อย สูสีกับบิงซูเจ้าดังๆได้เลย
- Bingsu GreenTea 129 Baht
เป็นบิงซูมาถ้วยขนาดเดียวกันกับบิงซูมะม่วง ท็อปปิ้งด้วยผงชาเขียวมัทฉะ ถั่วแดงบด และอินจอลมี (แป้งข้าวเหนียวทรงเต๋าคลุกด้วยผงถั่ว) พร้อมป็อกกี้ชาเขียวอีก2แท่ง มาพร้อมกาใส่นมข้นหวานอีก 1 กา
เมนูนี้ก็อร่อยดี แต่เสียดายที่ชาเขียวมัทฉะมันน้อยไปหน่อย กินแล้วไม่ค่อยได้รสชาเขียวเท่าไรนัก แต่ความนุ่มหนึบของอินจอลมี ราดด้วยนมข้นหวานก็พอกล้อมแกล้มได้อยู่
หลังอิ่มฟินกันไปแล้ว ได้คุยกับทางผู้จัดการร้านดูเร คุยโน้นนี้ไปหลายอย่าง เพิ่งได้รับรู้ว่า เวลามีศิลปินดังๆพวก K-POP จากประเทศเกาหลีมาทัวร์คอนเสิร์ตในไทย ที่ Impact Arena เมืองทองธานี , ทีมงานชาวเกาหลีเขาจะสั่งอาหารของที่ร้านดูเร นี้ไปกินกันหลายมื้อเลยนะ เป็นเสบียงอาหารให้ทั้งทีมงานและศิลปินระหว่างมาซ้อมและเตรียมงานก่อนจัดคอนเสิร์ต (อาจเป็นเพราะร้านนี้ อยู่ใกล้ๆอิมแพคด้วยมั่ง และอีกประเด็นนึงคือ รสชาติอาหารมันคงเป็นรสที่แบบคนเกาหลีกินกันจริงๆแบบออริจินัลที่เขาคุ้นเคย) ผจก.บอกว่า อย่างวง GOT7 , Super Junior นี้คือเวลามีทัวร์คอนเสิร์ตในไทย จะต้องมาสั่งอาหารที่ดูเรให้ไปส่งที่อิมแพคประจำ และมีแบบว่า หลังจบคอน ทีมงานพาศิลปินทั้งวง มาขอปิดร้านแบบไพรเวท กินฉลองกันหลังจบคอนก็มี ผู้จัดการก็บอกว่าเขาต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ระดับต้องปิดม่านทั้งหมดไม่ให้คนนอกเห็น และไม่ให้ลูกค้าคนอื่นเข้าร้านเลยนะ (เรียกว่าปิดร้านเหมาเลย) แฟนคลับก็ยืนรออยู่รอบนอกร้าน หวังได้ถ่ายรูปจังหวะเดินมา-เดินกลับ นั้้นแหละ
แต่เราฟัง แล้วก็รู้สึกว่า แปลว่ารสชาติอาหารร้านนี้มันคงเป็นแบบต้นตำรับจริงๆนั้นแหละ ศิลปินยังชอบเลย // ตอนนี้ส่วนตัว ผมติ๊กให้เป็นร้านเกาหลี Top5 ในดวงใจไปเรียบร้อยละ คร่าวหน้าแวะไปแถวเมืองทอง จะไปลองเมนูอื่นๆอีก
รบกวนขอเบอร์โทร หรือ ติดต่อกลับที่เบอร์ 0830286159 ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ